"บิ๊กตู่"ยันไม่ปิดกั้นนักวิชาการแสดงความเห็น แต่ห้ามพูดเรื่องการเมือง ชี้ 4 เดือนยึดอำนาจ ปชช.มีความสุขขึ้น ย้ำไม่คิดเป็นนายกฯจากการเลือกตั้ง ปัดย่องดูหมอดูอีที
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม. ถึงภาพรวมตลอด 4 เดือนหลังมีการยึดอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. จนถึงปัจจุบัน ว่า รู้สึกว่าประชาชนมีความสุขมากขึ้น แต่ คสช. และครม.มีความทุกข์ เพราะมีปัญหาต่าง ๆ ให้ต้องแก้มากมาย และการทำงานต้องโปร่งใส กระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด และต้องเดินหน้าทำงานต่อไป สำหรับมุมมองของต่างประเทศนั้น ขณะนี้เขามองว่าสถานการณ์บ้านเราดีขึ้น ติดอย่างเดียวว่าเราไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
เมื่อถามถึงกรณี60 นักวิชาการจาก 16 สถาบัน ล่ารายชื่อคัดค้าน คสช.ที่ไม่ให้เปิดเวทีเสวนาวิชาการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่การเมือง ให้เป็นวิชาการ แต่เวลาพูดมาก็เป็นการเมืองทุกที ตนไม่เคยไปห้ามเขา เพียงแต่บอกว่าทุกกลุ่มถ้าจะจัดประชุมหรือสัมมนาให้ขอการอนุมัติเข้ามา เราจะพิจารณาดูเนื้อหา "เราไม่ได้ทะเลาะกับใคร เขาเป็นถึงครู อาจารย์ ท่านบอกว่าพอห้ามอย่างนี้แล้วจะสอนเด็กนักเรียนอย่างไร มีเรื่องให้สอนตั้งเยอะใช่ไหม สอนเรื่องค่านิยม 12 ประการ สอนให้ทุกคนมีประชาธิปไตยที่ถูกต้องอย่างไร ไอ้นี่พูดตรงข้ามรัฐบาลหมด มันไม่ได้ หรือโจมตี คสช.มันใช่หรือไม่ กลุ่มที่ออกมาพูดทั้ง 60 คนก็รู้กันอยู่ ท่านเคลื่อนไหวทำนองนี้มาตลอดอยู่แล้ว"
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องบานปลาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หวั่น ให้พวกเราช่วยกัน
การทำความดีถ้ากลัวก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องเด็ดขาด ถ้าอยู่ในขอบเขตมหาวิทยาลัยก็ว่าไป ยืนยันว่าเราไม่ได้ห้าม เพียงแต่ให้ขออนุญาตมาว่าจะพูดเรื่องอะไร แต่ถ้าเปิดให้พูดแล้วแต่พูดไม่เข้ากรอบ ก็ปิดเท่านั้นเอง และการที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่นการคลุมปี๊บ ก็ไปดูว่าควรหรือไม่ควร สื่อต้องอธิบายสังคมว่าวันนี้เราต้องการอะไร ต้องการให้ประเทศชาติสงบ ต้องการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง หรือต้องการความขัดแย้งอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ให้เขาตีรวนรัฐบาลไปเรื่อย ๆ ทำงานอะไรไม่ได้ วันข้างหน้าก็มาเดินขบวนกันอีก ใช้ม็อบมาสู้กัน มีอาวุธสงครามกันอีก ถ้าคิดว่าจะเอาอย่างนั้นก็เลือกมา ตนก็พร้อม บอกมาเลย ยืนยันว่าทุกวันนี้พวกเราตั้งใจทำงาน ไม่ใช่สบาย "ทำไมไม่เห็นในความเสียสละของพวกเรา ไม่ใช่ผมดีใจนะที่เป็นนายกฯคิดว่าเท่เหรอ ไม่ใช่ แทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมาทำงาน อายุ 60 ผมแก่แล้ว ต้องพักผ่อน"นายกฯ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความระบุว่าตนไปดูหมอดูอีทีในช่วงนี้ ว่า ไม่เคยไปดูหมอดูอีที
เมื่อถามว่า เชื่อเรื่องหมอดูหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า การฟังหมอดูก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย เพราะเขาห้ามดูถูกกัน แต่ต้องดูว่าดูอย่างไร หากเขาบอกว่าให้เป็นนายกฯ แล้วไม่ทำความดีจะได้เป็นหรือไม่ หรือบอกว่าจะรวยแล้วไม่ทำงาน นอนอยู่เฉย ๆ จะรวยได้อย่างไร ฟังไว้อย่าไปงมงาย ทั้งนี้เรื่องของตนมักจะเตือนเรื่องอุบัติเหตุ คือการปะทะกับผู้สื่อข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการทำงานของ ครม.ที่ในอดีตจะให้ภรรยาเข้ามาช่วยเสริมการทำงานว่า ยังคิดอยู่
เช่นงานด้านสงเคราะห์ เป็นงานที่ทำประโยชน์ให้สังคมอาจจะต้องมีบ้าง แต่ต้องไม่ใช่งานประชาสัมพันธ์ ภรรยาตนก็ไม่อยากจะทำให้เป็นห่วงกลัวว่าจะเสียหาย อันนี้ถ้าจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมก็อาจขอจะให้ช่วย แต่เขาก็ทำอยู่แล้วในหลายสมาคม หลายมูลนิธิ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดถ้าทำดีต่อไปจะได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีชะตาชีวิต ชะตากรรมอยู่แล้ว ชะตาบ้านเมืองมันมีอยู่แล้ว ถ้าทุกอย่างมันดีขึ้น ฟ้าดินมันมี พระสยามเทวาธิราชท่านดูอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านได้ดูดวงหรือไม่ว่าจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีนานเท่าใด นายกฯกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็แล้วแต่ บางคนบอกให้เป็นน้อย บางคนบอกให้เป็นให้มาก ก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคิดจะเป็นนายกฯจากการเลือกตั้งบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า ไม่เอา ๆ เมื่อถามต่อว่าจะรอรัฐประหารอย่างเดียวหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวจะทุ้ม” พร้อมจับโพเดียมที่ใช้ในการแถลงข่าว ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม.