"พระสุเทพ"เบิกความไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมิ่น"ธาริต-สื่อ"กล่าวหาทุจริตโครงการ396โรงพัก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 กันยายน ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ แกนนำ กปปส. ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลเพื่อขึ้นเบิกความไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในคดีหมายเลขดำ อ. 1940/2556 ที่ได้ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ , บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) , นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา , บริษัท ข่าวสด จำกัด และ นายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาณ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
จากกรณีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2556 นายธาริตได้แถลงข่าวกล่าวหาว่า พระสุเทพ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลง โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 หลัง ทั่วประเทศ โดยให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว จึงทำให้บริษัทที่ประมูลได้เกิดปัญหา จนไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามสัญญา รวมถึงได้กล่าวหาว่า พระสุเทพ ได้กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือการฮั้วประมูล และกระทำผิดร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามป.อาญา 157 และอ้างว่ามีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงล้วงลูก ทั้งที่ขณะนั้นการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงเป็นการชี้นำพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลย และเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
โดยในวันนี้ พระสุเทพ ขึ้นเบิกความต่อจากครั้งที่แล้วสรุปว่า มติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
เมื่อปี 2551 เกี่ยวกับการอนุมัติก่อสร้างโครงการดังกล่าว ก็ระบุเพียงแค่หลักการเท่านั้น ไม่ได้ระบุถึงรูปแบบวิธีการประมูล ซึ่งได้ดำเนินการตามมติครม.อย่างถูกต้องแล้ว รวมทั้งต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาเป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน ซึ่งโครงการดังกล่าวตอนแรกอยู่ในการดูแลของหน่วยงานกองพลาธิการ แต่ถูกเปลี่ยนให้หน่วยงานสำนักงานส่งกำลังบำรุงเป็นผู้ดูแลแทน และมีการระบุให้เปลี่ยนจากประมูลรายภาคเป็นส่วนกลางอีกด้วย ต่อมาจึงได้เสนอเรื่องมายัง พล.ต.อ.ปทีป ซึ่งได้เซ็นอนุมัติโครงการ ก่อนจะถูกส่งมาให้ตนในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ตนจึงได้ลงนามตามหนังสือที่ผบ.ตร. อนุมัติ จากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวอีก กระทั่งต่อมาเมื่อปี 2553 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ทำหนังสือถึงตนว่าการประมูลโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว มีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ประกวดราคาผ่านระบบอีอ็อกชั่น มีผู้เข้าประมูลถึง 10 บริษัท มีการเคาะราคาแข่งขันกันถึง 73 ครั้ง และบริษัทที่ชนะการประมูลคือบริษัทพีซีซี เดเวอลอปเมนท์ ซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท ต่อมาสำนักงบประมาณก็ได้อนุมัติงบในการทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าว
กระทั่งต่อมาปี 2556 นายธาริต ได้กล่าวหาว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการดังกล่าว
และมีการแถลงข่าวใหญ่โตซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง ซึ่งตนเห็นว่านายธาริตต้องการรับใช้พรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ในวันที่ 3 มี.ค. 56 โดยการนำเรื่องดังกล่าวมาโจมตีเพื่อต้องการดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลต่อคะแนนนิยมของ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่ากทม. ซึ่งตนมีหลักฐานเอกสารยืนยันว่าการประมูลก่อสร้างโครงการดังกล่าวถูกต้อง
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
