คตร.สั่งยกเลิกโครงการแท็บเล็ต

คตร.สั่งยกเลิกโครงการแท็บเล็ต เหตุไม่คุ้มค่า-ซ่อมบำรุงไม่เป็นไปตามสัญญา ให้ ศธ.เสนอโครงการใหม่ทดแทนภายใน ก.ย.นี้ พร้อมสั่งทบทวนระเบียบการจ่ายเบี้ยประชุมสมาชิกรัฐสภา

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก

เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร. )ครั้งที่ 11/2557  โดย คตร.มีมติให้ดำเนินโครงการที่ได้สรุปผลการติดตามและตรวจสอบแล้วจำนวน 20 โครงการต่อไป เช่น โครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินใน ระบบดิจิตอลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ส่วนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. วงเงิน 60,741.61 ล้านบาทนั้น คตร. มีมติให้แจ้งให้ ทอท.ทบทวนทีโออาร์และดำเนินการให้สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน 181 โครงการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 2,459,793,166 บาท ให้มีการกระจายงานไปยังภูมิภาคและประกวดราคาโดยใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยระบบอิเลคโทรนิค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา(แท็บ เล็ต)ของกระทรวงศึกษาธิการ

วงเงินรวมปี 2555 จำนวน 1,794.83 ล้านบาท และในปี 2556 จำนวน 4,616.25 ล้านบาท มีประเด็นที่ตรวจพบว่าไม่มีความคุ้มค่า บุคลากรที่เกี่ยวข้องขาดทักษะ และการซ่อมบำรุง ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา หลังการตรวจสอบต้องยกเลิก และให้เสนอโครงการใหม่ทดแทน และให้จัดทำโครงการใหม่ โดยจะต้องสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือน ก.ย.นี้

นอกจากนี้ยังมีกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2556  ที่คตร.ตรวจพบว่ามีการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับผู้ที่เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ในอัตราที่สูงมาก

ทำให้เป็นภาระทางด้านงบประมาณ จึงสมควรแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับเงินใกล้ เคียงกับข้าราชการ  รวมถึงเรื่องการเบิกค่าเบี้ยประชุมของรัฐสภา เพราะมีการแก้ไขระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2555 โดยปรับอัตราเบี้ยประชุม ทำให้ค่าใช้จ่ายในการประชุมมีแนวโน้มสูงขึ้น คตร.จึงให้ทบทวนระเบียบให้เหมาะสมโดยเร็ว และให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบย้อนหลังหากมีการปฏิบัติผิดระเบียบให้เรียกเงินคืนตามมติ คสช. เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2557