ไทย-ลาว จับมือดันแรงงานถูกกฏหมาย

ไทย-ลาว จับมือลงนามร่วมพิสูจน์สัญชาติต่างด้าว หวังดันแรงงานลาวกว่า 1.5 แสนคน เข้าสู่ระบบกฎหมายถูกต้อง

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่โรงแรมแทนซิโน จ.หนองคาย นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน และนายพูวัน จันทะวง หัวหน้ากรมพัฒนาฝีมือแรงงานและจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประเทศลาว เป็นประธานร่วมกันในการประชุมหารือระดับวิชาการไทย-ลาว

โดยนายสุเมธ กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายให้แก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจากการจัดตั้งศูนย์จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ หรือวันสต็อปเซอร์วิส กว่า 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ขณะนี้มีแรงงานสัญชาติลาว ขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน 158,125 คน แบ่งเป็นแรงงานจำนวน 151,121 คน และผู้ติดตามจำนวน 7,004 คน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบให้มีการดำเนินการตรวจสอบสัญชาติแรงงานลาวและผู้ติดตามในประเทศไทย เพื่อให้แรงงานลาวมีเอกสารเข้า-ออกเมือง และเอกสารอนุญาตทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในการพิสูจน์สัญชาติ ได้มีการแต่งตั้งผู้ประสานงานของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหารือถึงการดำเนินงาน

นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ขณะที่แรงงานลาวในกิจการประมงทะเล ซึ่งมีแรงงานมาจดทะเบียนแล้วจำนวน 1,046 คน จะดำเนินการให้มีการจดทะเบียนในกิจการประมง เช่นเดียวกับแรงงานที่จดทะเบียนที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันคุ้มครองแรงงานลาวที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ได้รับสิทธิ์และสวัสดิการตามกฎหมายไทย ส่วนการดำเนินการกับแรงงานลาวที่ครบกำหนด 4 ปี ให้แรงงานที่ครบกำหนดเดินทางกลับไปยังประเทศลาว เพื่อดำเนินการจัดทำหนังสือเดินทาง และขออนุญาตเดินทางกลับมาทำงานในไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ แรงงานลาวที่ทำงานบริเวณแนวชายแดนในลักษณะไป-กลับ ให้ใช้หนังสือเดินทาง หรือปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันที่มีอยู่จังหวัดหรือแขวง ที่ติดชายแดน อย่างไรก็ตาม จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการโดยเร็ว ซี่งภายหลังการพิสูจน์สัญชาติเสร็จสิ้น แรงงานจะได้รับคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารจัดการแรงงาน โดยจะมีการประเมินความต้องการแรงงานตามความเป็นจริง เพื่อจัดสรรแรงงานต่อไป

ด้าน นายพูวัน จันทะวง หัวหน้ากรมพัฒนาฝีมือแรงงานและจัดหางาน กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้มีการลงนามรับรองร่วมกันกับทางไทย ซึ่งในภาคปฏิบัติจะดำเนินการร่วมมือกับทางไทยให้การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้ผลดี โดยจะขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการนำแรงงานลาวเข้าสู่กฎหมาย เพื่อผลประโยชน์และสวัสดิการของแรงงานต่อไป