ใกล้คลอด! โครงสร้างคุยสันติสุขใต้
'อุดมเดช'เผยโครงสร้างคุยสันติสุขจว.ใต้ใกล้คลอด ขอเวลาอีก1-2วัน เชื่อเปลี่ยนแม่ทัพภาค 4 ไม่ใช่ปัญหา ชี้ระบบสำคัญกว่าตัวบุคคล
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ก.ย.2557 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ (คปต.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคปต.ครั้งที่ 4/2557 ถึงการพูดคุยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบฯว่า ขณะนี้มีการเตรียมการเพิ่มเติมจากที่กล่าวมา ซึ่งเร็ว ๆ นี้นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช.จะขออนุมัติจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ในการเดินทางพบปะหารือกันเพิ่มเติม เกี่ยวกับรายละเอียดในการพูดคุยระดับบน ส่วนบุคคลหัวหน้าคสช.ยังไม่ได้กำหนดอย่างชัดเจน แต่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป
รมช.กลาโหม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้มีการปรับโครงสร้างในการพูดคุยเพื่อสันติสุขแล้วซึ่งจะมีการอนุมัติภายใน 1-2 วันนี้ ขณะที่ทางด้านมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกก็จะต้องหากลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยแท้จริงมาให้ครบถ้วน เพื่อให้การพูดคุยเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ยืนยันว่าการพูดคุยเพื่อสันติสุขอยู่ในนโยบายของหัวหน้าคสช.แน่นอน แต่ในส่วนรายละเอียดในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะช่วงนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะบางอย่างมีการปฏิบัติทั้งในระดับพื้นที่และระดับบนหากพูดไปก็ไม่ดี
"อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจว่าเราพยายามทุกทางเรื่องการพูดคุยสันติสุขและมีการปฏิบัติในขณะนี้ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไม่ละเลยและพยายามทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ส่วนคณะพูดคุยก็ยังคงเป็นจำนวนเดิมที่ระบุไว้ว่าแต่ละฝ่ายจะต้องมีไม่เกิน 15 คนซึ่งมีการกำหนดไว้แล้วจะให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็น โดยแต่ละฝ่ายมีทั้งหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการกำหนดไว้แล้ว ส่วนตนจะอยู่ในคณะอำนวยการด้านบนด้วย"พล.อ.อุดมเดช กล่าว
เมื่อถามว่าหากมีการปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 จะกระทบต่อการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า การปรับตำแหน่งจะมีหรือไม่ก็ต้องรอคำสั่งพระบรมราชโองการต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของการหมุนเวียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในร่วมปี แม้ว่าตัวบุคคลจะสำคัญก็จริงแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือระบบที่ขณะนี้เรามีระบบการทำงานที่ไม่จำเป็นจะต้องยึดถือตัวบุคคล เพราะระบบก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วในทุก ๆ ปีก็คงต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นเราจึงได้มีการวางระบบไว้ ซึ่งทางผู้บัญชาการทหารบกได้สร้างระบบ ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามเน้นเฉพาะเรื่องระบบ อย่างไรก็ตามจะต้องทำอย่างเต็มที่ และจะต้องปรับทั้งงานเชิงรุกและเชิงรับ รวมทั้งการข่าวที่ต้องลงลึกและบูรณาการมากขึ้น และทำให้ดียิ่งขึ้นไป ทั้งนี้โครงสร้างปี 2558 ก็ได้มีการปรับอยู่ในส่วนของรายละเอียดบ้าง โดยเน้นย้ำและให้ความสำคัญเรื่องการข่าว ซึ่งปีที่ผ่านมายังต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมและงานด้านมวลชนที่จะต้องมีการจัดกำลังลงไปดูแลประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสำคัญเท่ากับการใช้กำลังหรือการใช้ยุทธการ
ส่วนการประชุมคปต.ในวันนี้ พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า เป็นการประชุมติดตามการดำเนินงานของกลุ่มงานต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมามีความก้าวหน้าด้วยดี โดยเรื่องพิธีฮัจญ์ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญก็ได้มีการดำเนินการให้กับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้ที่จำเป็น ทั้งนี้ต้องใช้งบประมาณจากส่วนกลางเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยเชื่อว่าชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คงอยู่ในขั้นตอนปลายทางคือการเข้าสู่พิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนงานด้านอื่น ๆ เราพยายามผลักดัน แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ยังคงมีอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่าไม่มากกว่าเดิม และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีหลายอย่างที่พยายามปรับ เช่นกระบวนการยุติธรรมที่ขณะนี้มีการร่วมมือกันของกระทรวงยุติธรรมที่จะหาทางกระชับงานด้านสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีต่างๆ ของผู้กระทำผิดให้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีคดีคงค้างหรือการทำสำนวนต่าง ๆ ที่ยังไม่รัดกุมจนผู้กระทำถูกสั่งยกฟ้อง ดังนั้นจึงจะมีการปรับในส่วนนี้โดยจะมีการจัดอบรมเจ้าหน้าที่และทำกระบวนการกระชับยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาได้อย่างดีอีกทางหนึ่ง
เมื่อถามว่าในอดีตไม่สามารถจับตัวแกนนำได้เลย พล.อ.อุดมเดช กล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเราสามารถจับกุมหลายๆ คนได้ โดยที่เป็นผู้อยู่ในกระบวนการแต่ก็มีบางส่วนที่ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดการรวบรวมหลักฐานที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามการประชุมที่ผ่านมาได้มีการกำชับให้เร่งรัดในเรื่องนี้ ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากศาล อัยการในเรื่องของการปรับวิธีการปฏิบัติ รวมถึงจะจัดเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้นเพื่อกระชับกระบวนการและดูแลในเรื่องผู้กระทำความผิดมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามต่อว่าการปรับรูปแบบใหม่ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รับผิดชอบจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไร พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาอยู่กับกอ.รมน.มานานแล้ว และกอ.รมน.ก็เป็นแกนหลักโดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งกระทรวง ทบวง กรมและสอ.บต.ก็ดูในเรื่องการพัฒนา การดูแลความปลอดภัย และการส่งกำลังก็อยู่ในส่วนของกอ.รมน.ซึ่งต้องยอมรับว่าเราต้องพยายามต่อไป เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจกับคนที่ไม่เข้าใจที่มีอยู่พอสมควรที่ยังแอบแฝงอยู่ ขณะนี้ทุกกระทรวงทบวง กรม พยายามจัดโครงการต่าง ๆ ที่ดีในทุกด้าน เช่น การฝึกอบรมสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งเราพยายามผลักดันให้โครงการทุกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาจจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง