ศาลอุทธรณ์ยืนไม่รับฟ้อง “แก้วสรร” แจ้ง “ธาริต” หมิ่น

ศาลอุทธรณ์ยืนไม่รับฟ้อง “แก้วสรร” แจ้ง “ธาริต” หมิ่น

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับฟ้อง “แก้วสรร” ฟ้อง “ธาริต” หมิ่นประมาท-ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีกล่าวหาเป็นกบฏและสั่งอายัดเงิน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ส.ค.ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำอ.587/2557 ที่นายแก้วสรร อติโพธิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา และเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขอให้ลง โทษตามป.อาญา มาตรา 157, 326, 328, 332 และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 1,723,076.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในนสพ.รายวัน

จากกรณีเมื่อเดือนต.ค.-ธ.ค.2556 จำเลยซึ่งเป็นอธิบดีดีเอสไอขณะนั้นได้หมิ่นประมาทโจทก์

โดยเห็นว่าโจทก์กับพวกกระทำความผิดฐานเป็นกบฏและมีคำสั่งอายัดเงินในบัญชี เงินฝากของโจทก์จำนวน 1,723,076.21 บาท โดยไม่มีอำนาจและทำให้โจทก์กับประชาชนทั่วไปไม่กล้ามาร่วมชุมนุมทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ แขวงและเขตจตุจักรกทม.เกี่ยวพันกัน โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนกันแล้วเห็นว่า ที่โจทก์อ้างในอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาเพียงคำฟ้องของโจทก์โดยยังไม่ได้ ไต่สวนมูลฟ้องนั้นเห็นว่า

การตรวจคำฟ้องและมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 161 วรรคแรก ส่วนที่โจทก์ขอโอกาสไต่สวนมูลฟ้อง โดยอ้างในอุทธรณ์ว่าภาพรวมของคดีโจทก์มีพยานหลักฐานสนับสนุนตามข้อเท็จจริง ที่ประสงค์จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยใช้อำนาจมาจัดการกับโจทก์และผู้อื่นโดย ผิดคำนองครองธรรมโดยมุ่งผลทางการเมืองนั้น เห็นว่า กรณีนี้ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้มีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.56 และมีมติให้การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งเป็นคดีพิเศษต้องสืบสวนและสอบสวนตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษพ.ศ. 2547 ข้อเท็จจริงต่าง ๆ

จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ามีการดำเนินการจนถึงขั้นรับเป็นคดีพิเศษและมีการ ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จนมีมติให้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาคนอื่นๆรวมทั้งโจทก์ด้วย พฤติการณ์แห่งคดีจึงมีการดำเนินการไปตามปกติ ไม่ใช่เป็นการเร่งรัดหรือมุ่งหมายที่จะกลั่นแกล้งโจทก์แต่อย่างใดการออกหมาย เรียกโจทก์ให้มาพบและการสั่งอายัดเงินในบัญชีเงินฝากของโจทก์ก็เป็นการ ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่จึงไม่เป็นความผิด อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์