อาทิ เอเอฟพี รอยเตอร์ส บลูมเบิร์ก อัลจาซีรา กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ 191 เสียงเห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย
และยังได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เป็นการเดินตามรอยเผด็จการทหารจอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ เมื่อปี 2500 สื่อรายนี้บอกด้วยว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนชอบความท้าทาย และเป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกองพลบูรพาพยัคฆ์
ที่ผ่านมาหลังรัฐประหารจะมีการตั้งรัฐบาลพลเรือนหรือผู้เชี่ยวชาญมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้เสียเองออกจะเป็นเรื่องไม่ปกติและสุ่มเสี่ยงต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ เองเพราะจะต้องเผชิญกับความคาดหวังสูงจากคนรอบข้าง
คราวนี้เขาเพียงต้องการทำให้เป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายด้วยการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยเชื่อว่าการแต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ โดยสมาชิก สนช.ที่เลือกมาเองกับมือจะมีอะไรมากไปกว่าการรวบอำนาจของรัฐบาลทหาร
ในขณะที่กองทัพจะยังคงเดินหน้าปิดปากผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ต่อไป รอยเตอร์ส งานนี้ไม่มีอะไร “เซอร์ไพร์ส” เพราะ สนช.ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสภาตรายางที่มีหน้าที่ออกกฎหมายปฏิรูปทุกอย่างภายใต้การจับตาของฝ่ายทหาร
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ สลัดเครื่องแบบทหารมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่ากับเป็นการตอกย้ำการใช้อำนาจควบคุมทางทหารในชาติซึ่งมีสภาพการเมืองที่สับสนอลหม่าน
คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีอำนาจมหาศาลในมือ จะเลือกคนมานั่งในรัฐบาลของเขาเร็ว ๆ นี้ โจนาธาน เฮด บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ รับปากจะปฏิรูปการเมืองอย่างถอนรากถอนโคนเพื่อไม่ให้ประเทศกลับไปสู่วิกฤตอีก และเสนอจะคืนประชาธิปไตยให้ประเทศในปีหน้า อย่างไรก็ดี มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญตอนนี้คือทำลายพรรคการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งชนะเลือกตั้งทุกครั้งตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา