คนกรุงค้านใช้ตรายางเลือกตั้ง2เม.ย.

เอแบคโพลล์วิจัยความเห็นประชาชนพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 เม.ย.พบส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ตรายาง อีกทั้งไม่มั่นใจความยุติธรรมของ กกต. คะแนนนิยม"ทักษิณ" ลดลงตามลำดับ ผู้วิจัยแนะควรเอาแบบ "ป๋าเปรม" เป็นตัวอย่างที่รู้จักพอ


วันที่ 31 มี.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เปิดเผยผลวิจัย ความคิดเห็นและความตั้งใจของประชาชนในการเลือกตั้ง 2 เมษายน จากประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 3,606 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการสำรวจวันที่ 29-30 มีนาคม 2549ว่า ประชาชนที่มั่นใจและไม่มั่นใจต่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้งมีสัดส่วนไม่แตกต่างกันคือร้อยละ 40.3 ต่อร้อยละ 43.8

"ยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนเพียงร้อยละ 26.3 เท่านั้นที่เห็นด้วยกับการใช้ตรายางประทับบนบัตรเลือกตั้งโดยให้เหตุผลว่าสะดวก แต่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.0 ไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่าจะมีการทุจริตได้ง่าย มีความน่าเชื่อถือมากกว่า และเป็นวิธีใหม่ที่ประชาชนไม่คุ้นเคย ดังนั้นควรใช้การกากบาทด้วยลายมือของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเอง" ดร.นพดล กล่าวและว่า

ประเด็นร้อนทางการเมืองอื่นๆ ที่น่าพิจารณาคือผลสำรวจล่าสุดครั้งนี้หลายประเด็นชี้ให้เห็นว่า พรรคไทยรักไทยและนายกรัฐมนตรีกำลังได้รับการสนับสนุนของสาธารณชนลดน้อยลงจากร้อยละ 46.0 ที่บอกว่าจะเลือกพรรคที่ตั้งใจจะเลือกในการสำรวจวันที่ 25 มีนาคม ลดลงเหลือร้อยละ 34.6 ในการสำรวจครั้งล่าสุด ขณะที่กลุ่มที่ตั้งใจจะไปงดลงคะแนนเริ่มมีสัดส่วนสูงขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น การสนับสนุนของประชาชนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี เริ่มมีแนวโน้มลดลงเมื่อผลสำรวจออกมาว่า คนที่ระบุไม่ควรลาออกทันทีหลังการเลือกตั้งเริ่มลดลงเห็นได้ชัดเจนจากร้อยละ 44.5 ในวันที่ 11 มีนาคมเหลือร้อยละ 40.2 ขณะที่จำนวนประชาชนที่คิดว่าควรลาออกทันทีกลับเริ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 21.9 มาที่ร้อยละ 24.7

"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร น่าจะเอาแบบอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่รู้จักคำว่า พอ แม้ว่า สังคมขณะนั้น ต้องการให้ พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจตามแบบอย่างของ พล.อ.เปรม ประเทศไทยก็จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปรับปรุงระบบและภาพลักษณ์ขององค์กรอิสระ เช่น กกต. ให้เป็นที่เชื่อถือยอมรับของสังคม และการปฏิรูปการเมืองรอบใหม่จะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ" ดร.นพดล กล่าวและว่า

ขณะเดียวกันการขับไล่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์และการชุมนุมหน้าตึกเนชั่นที่สกัดห้ามแม้แต่คนป่วยหนักคนตั้งครรภ์ออกจากตึกโดยกลุ่มคาราวานคนจน หลังจากได้ผลสำรวจแล้วคณะผู้วิจัยจะนำเสนอต่อสังคมต่อไป