อธิบดีราชทัณฑ์เป็นห่วงสนธิ ลิ้มทองกุล!! ใช้วงจรปิดจับตาพิเศษ24ชม.

อธิบดีราชทัณฑ์เป็นห่วงสนธิ ลิ้มทองกุล!! ใช้วงจรปิดจับตาพิเศษ24ชม.

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีกลุ่มผู้บริหาร พนักงานในเครือผู้จัดการ

พร้อมทั้งครอบครัวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ต้องขังในคดีผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 20 ปี โดยนายสนธิได้ถูกย้ายมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรมแห่งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน15 ปี และถูกส่งตัวไปคุมขังแดน 1 อยู่รวมกับนักโทษคดีทั่วไป ซึ่งญาติที่มาเยี่ยมต่างได้จัดซื้ออาหารคาวหวาน บริเวณร้านค้าสหกรณ์เรือนจำนำไปเยี่ยมนายสนธิ ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 20 นาที ก่อนเดินทางกลับ

ด้าน นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่นายสนธิถูกส่งตัวมาคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรมก็ยังไม่พบปัญหา

ซึ่งเชื่อว่าทางเรือนจำน่าจะดูแลนายสนธิได้ อย่างไรก็ตามช่วงแรกนี้ก็ได้กำชับให้ทาง ผบ.เรือนจำช่วยจับตาดูเป็นพิเศษอย่าให้นักโทษที่มีความคิดเห็นต่างเข้ามาอยู่ปะปนกับนายสนธิเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายส่วนช่วงกลางคืนทราบว่าทางเรือนจำได้มีการจัดเวรยามโดยอาศัยนักโทษช่วยจับตาดูและอาศัยกล้องวงจรปิดจับตาดูความผิดปกติภายในเรือนนอนนายสนธิตลอด24ชั่วโมง


นายวิทยา กล่าวว่านายสนธิได้ถูกจำคุกมานานเกือบสัปดาห์แล้วจึงเชื่อว่านายสนธิน่าจะทำใจและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายในเรือนจำได้

และทางญาติก็ไม่เคยมาร้องขออะไรเป็นพิเศษส่วนอาการเจ็บป่วยโรคประจำตัวของนายสนธินั้นก็ไม่น่าห่วงหากเกิดกรณีฉุกเฉินทางเรือนจำมีทีมแพทย์พร้อมให้การช่วยเหลือทันที 


“นายสนธิถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเมื่อเข้ามาอยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์เราก็ต้องจับตาดูเป็นพิเศษแต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบและกฎระเบียบของเรือนจำอย่างเคร่งครัดไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้นและที่สำคัญต้องไม่ให้ใครเข้าไปทำอันตรายเขาได้เพราะจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว


ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิ ลิ้มทองกุล  ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

  กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นฎีกาและขอปล่อยชั่วคราวนายสนธิ เพื่อต่อสู้คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 20 ปี ฐานกระทำผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535  ว่า วันที่ 13 สิงหาคม ตนได้มอบหมายให้เสมียนทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาอีกครั้ง


โดยขอให้ส่งสำนวนไปให้ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เซ็นรับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว

โดยขอให้ส่งด้วยวิธีพิเศษด้วยการส่งแฟกซ์ หรือขอให้เจ้าหน้าที่ของศาลนำสำนวนไปให้ผู้พิพากษาเซ็นรับรอง หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนอีเอ็มเอส (EMS)และจำเลยจะออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
เพราะการส่งด้วยวิธีปกติจะล่าช้า ซึ่งอย่างเร็วอาจ 2 สัปดาห์ หรืออย่างช้าอาจจะ 1เดือน  ส่งผลให้นายสนธิต้องอยู่ในเรือนจำเป็นเวลานาน ทั้งนี้ภายหลังจากที่เรายื่นคำร้องแล้วศาลอาญาก็ยังไม่มีคำสั่งใดๆ  ส่วนเรื่องการยื่นประกันตัวนั้นตนก็ยังไม่ได้ยื่นแต่อย่างใด  เนื่องจากคงต้องรอให้รับรองฎีกาก่อน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์