การ "กลับ" บ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามกำหนด "เดิม" อันยื่นขอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทรง "ความหมาย"
ไม่เพียงแต่ทำให้ภาพแห่ง "การมโน" อย่างวิลิศมาหราของบางกลุ่ม บางฝ่ายทางการเมืองต้องดับวูบภายในพริบตาพลันเท่านั้น
หากแต่เป็นการยืนยัน "ตัวตน"
ตัวตนที่เรียกตามศัพท์การเมืองสมัยใหม่ว่า "อัตลักษณ์" ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ "อดีต" นายกรัฐมนตรีได้อย่างเด่นชัด
ว่าเป็น "นักสู้"
เป็นนักสู้โดยความเห็นชอบ "ร่วม" จาก 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
เป็นการต่อสู้โดยความเชื่อมั่นต่อ "ศาล"
เป็นการต่อสู้ด้วยความมั่นใจเป็นอย่างสูงในความบริสุทธิ์แห่งตนในฐานะของ "นักบริหาร" ระหว่างดำรงตำแหน่งเป็น "นายกรัฐมนตรี"
"ความหมาย" ตรงนี้ "หมายความ" ว่าอย่างไร
ท่วงที ลีลา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การเมือง
อย่างน้อยก็มี 2 ฝ่าย 2 กลุ่ม ซึ่งแสดงความต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศแล้วไม่กลับ
คือ ไปแล้ว ไปเลย
กลุ่ม 1 คือ ฝ่ายตรงกันข้าม ที่ต้องการเช่นนี้เพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินซ้ำรอยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และเป็นไปตามความเชื่อของพวกตน
ขณะเดียวกัน กลุ่ม 1 คือ ฝ่ายที่แสดงว่าอยู่ฝ่ายเดียวหรือฝ่ายที่เห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากสถานการณ์ที่ประสบในห้วงของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (สิงหาคม 2554-พฤษภาคม 2557)
กลุ่มนี้ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตนในต่างประเทศเท่ากับเป็นการเสริมพลังแห่ง "แนวร่วม"
ในที่สุด ความต้องการของ 2 กลุ่มนี้ก็ "ล้มเหลว"
ล้มเหลวเพราะว่าเป็นความต้องการอย่างที่เรียกว่า เป็นความต้องการในทาง "อัตวิสัย" ขณะที่การดำรงอยู่ทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการดำรงอยู่ในทาง "ภววิสัย" มีความคิด มีทิศทางอันเป็นของตนจึงยากที่จะเดินไปในแนวทางอันคนอื่นกำหนด
กุมชะตากรรมของตนเอง กุมอนาคตของตนเอง
ต้องยอมรับว่า "กระบวนการ" รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 แตกต่างไปจาก "กระบวนการ" รัฐประหารเดือนกันยายน 2549
เมื่อปี 2549 เริ่มต้นจาก "คตส." แล้วจึง "ป.ป.ช." แล้วจึง "ศาล"
ในปี 2557 ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการที่มีอยู่แล้วคือ จาก ป.ป.ช.แล้วส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดแล้วจึงถึง "ศาล"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความมั่นใจในหลายส่วน
แม้จะไม่ค่อยมั่นใจในวิธีวิทยาของการทำงานโดยกระบวนการ ป.ป.ช.เท่าใดนัก แต่ก็ยังมีความหวังกับ "อัยการ"
และก็มีความมั่นใจกับ "ศาล"
ความมั่นใจในที่นี้มิได้หมายความว่าฝ่ายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเข้าไปแทรกแซงหรือก้าวก่ายกับกระบวนการของสำนักอัยการสูงสุดหรือกระบวนการของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
หากมั่นใจว่าจะได้รับ "ความยุติธรรม"
เหมือนกับความยุติธรรมซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เคยให้ไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายนับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
ความยุติธรรมต่างหาก คือ ความฝันอันสูงสุด
จากนี้จึงเห็นได้ในความเป็น "ผู้นำ" เห็นได้ในการตัดสินใจโดยตนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หากจะมองและประเมินว่า นี่คือกระบวนการในการต่อสู้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการต่อสู้ภายในกรอบ ภายในกฎกติกาที่มีอยู่แล้วด้วยควาามมั่นใจในสิทธิอัตวินิจฉัยของทุกฝ่ายซึ่งเกี่ยวข้อง
รวมทั้ง "สิทธิอัตวินิจฉัย" แห่งตน
............
(ที่มา:มติชนรายวัน 12 สิงหาคม 2557)