4 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อวยพรนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวขอบคุณนายชวนและทุกคนที่มาร่วมอวยพร โดยรู้สึกตกใจที่เดินทางมาจำนวนมาก
“การพบกันครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นโอกาสที่ผมอายุครบครึ่งศตวรรษคือ 50 ปี
โดยมีคนแสดงความห่วงใยอาการบาดเจ็บจากการหกล้มจนไหปลาร้า ซึ่งผ่านมาสี่เดือนแล้วแต่แผลยังไม่ติดทั้งหมด ทำให้ต้องผ่าตัดใหม่อีกครั้ง จึงต้องใส่เฝือกอ่อนต่ออีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยผ่าเอาเหล็กออกอีกครั้ง ซึ่งคิดว่าคงมีเวลาก่อนที่จะมีงานทำอีกครั้ง พร้อมกับขอบคุณประธานที่ปรึกษากรุณาเล่าที่มาก่อนมาทำงานที่พรรค ผมสนใจการเมืองมาตั้งแต่ปี 2518 ประทับใจการอภิปรายของประธานที่ปรึกษา จึงเป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมลำบากมาถึงทุกวันนี้ เพราะตัดสินใจทำงานการเมือง ท่านสอนว่าทำงานการเมืองให้อดทนและเผชิญกับภาวะที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าหนักแน่นมั่นคงในจุดยืนก็จะสามารถทำงานได้”
ในสถานการณ์ปัจจุบันเราบ่นกันว่าไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็ให้ความร่วมมือกับบ้านเมือง เมื่อมีคำสั่งไม่ให้เคลื่อนไหว
เราก็ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ แต่เรามีความรับผิดชอบต่อพรรคยังต้องดูแลกิจการของพรรค ทำความเข้าใจกับกติกาปัจจุบัน และให้แจกสำเนา กกต.ที่ระบุว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ผมขอไปพบ กกต.เพื่อชี้แจงเรื่องข้อห้ามที่ครอบคลุมหมด เช่น ห้ามรับสมาชิกเข้าพรรค ทั้งที่เราไม่ได้หาสมาชิก แต่ประชาชนเดินมาสมัครทำให้ปฏิบัติยาก
กรณีระงับการจัดเงินอุดหนุนกองทุนพัฒนาการเมือง
แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้หยุดตามกิจกรรมที่ห้าม เพราะมีค่าใช้จ่ายบุคลากรพรรครวมถึงค่าน้ำ ค่าไฟ ที่สำคัญคือ สาขาพรรคที่มีค่าเช่าอาคารสถานที่ และการจ้างเจ้าหน้าที่ด้วย เมื่อเงินอุดหนุนถูกระงับก็ต้องพึ่งเงินบริจาค ก็ยังมีการห้ามรับเงินบริจาคด้วย จึงจะไปหารือกับ กกต.ว่าพรรคจะทำอย่างไร
ผมทราบดีว่าแม้เราไม่มีสถานะแต่ประชาชนไม่คิดอย่างนั้น ยังหวังให้เราเป็นตัวแทนในการดูแลทุกข์ สุข
แต่มั่นใจว่าพวกเราคงไม่ละเลยในการดูแลประชาชน โดยไม่ใช่การเคลื่อนไหวกับมวลชนที่จะเป็นปัญหาความมั่นคง อุดมการณ์พรรคประกาศชัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้จะไม่สามารถประชุมได้หัวหน้าพรรคก็จะตัดสินใจบนอุดมการณ์ของพรรคเพื่อ เป็นหลักประกันให้กับทุกคน
ส่วนสภาปฏิรูปที่มีประกาศ คสช.ให้อำนาจหัวหน้าพรรคเสนอชื่อไปให้กรรมการสรรหา 2 รายชิ่อนั้น
เราบอกมาตลอดว่า สนับสนุนการปฏิรูปและให้ความร่วมมือกับ คสช.ในการให้ข้อมูลมาโดยตลอดเกี่ยวกับการอธิบายแนวคิดของพรรคทั้งด้วยวาจา และพร้อมส่งเอกสารให้ แต่ความรู้สึกประชาชนอยากให้คนที่ไม่ใช่นักการเมืองเข้าไปปฏิรูป จึงคิดว่า บทบาทที่พึงกระทำคือการให้ข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความลำบากใจ เพราะขณะนี้มีพรรคการเมืองถึง 72 พรรค ถ้าต้องให้พื้นที่หมดก็จะทำให้มีสมาชิกสภาปฏิรูปถึง 144 คน ซึ่งคงไม่เหมาะสม