รสนาย้อนเกร็ดเรืองไกรอวดรู้ ซัดคนไร้ประโยชน์เสนอหน้าคสช.

22 ก.ค.57 น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ“รสนา โตสิตระกูล”

ตอบโต้กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะกิจการพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่าไม่เข้าใจประกาศ คสช.ฉบับที่ 92 เรื่องการปรับภาษีมูลค่า และเรียกร้องให้ไปขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ว่า นอกจากอยากโหนกระแสเพื่ออยู่ในสายตาของ คสช.แล้ว อยากถามว่า คำให้สัมภาษณ์ของนายเรืองไกรเป็นประโยชน์อะไรบ้างต่อสังคม นอกเหนือจากการแสดงอาการยกตนข่มท่านเท่านั้น

น.ส.รสนา กล่าวว่า ประเด็นหลักในบทความของตนเองนั้นคือ เสนอให้ คสช.พิจารณาการใช้กลไกภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรม

ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมที่มีช่องว่างของรายได้ระหว่างคนรวยและคนจนสูงถึง 15-20 เท่า ด้วยการปรับปรุงมาตรการการเก็บภาษีทั้งระบบ โดยควรมีมาตรการเก็บภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ภาษีนิติบุคคล และBOI ซึ่งเป็นภาษีจากคนรวยเสียก่อน จึงจะสามารถสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำ ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการกระจายภาระให้กับคนจนมากกว่า เพราะเป็นภาษีที่ไม่มีกลไกลดความเหลื่อมล้ำ คนจนหรือคนรวยซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งก็จ่ายภาษีเท่ากัน

น.ส.รสนา ระบุว่า การออกประกาศ คสช.ต่ออายุการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีก 1 ปีเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลทุกยุคสมัยทำกัน

มีการตราพระราชกฤษฎีกาประกาศต่ออายุคราวละ 1-2 ปี แต่ประกาศ คสช.ฉบับนี้ไม่ปกติ เพราะมีการประกาศปรับภาษีมูลค่าในวันที่ 1 ต.ค.58 เป็นอัตรา 9% ไม่รวมภาษีท้องถิ่น ซึ่งเมื่อรวมเข้าไปก็จะเป็น 10% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่เคยกำหนดไว้ หากรัฐบาลหลังการเลือกตั้งไม่ออกประกาศแก้ไขประกาศ คสช.ฉบับที่ 92 ประชาชนต้องรับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มสูงสุด