เมื่อวันที่15 กรกฎาคม นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เตรียมทำหนังสือประสาน กกต.เพื่อนัดหมายขอหารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง ในการหาเสียงเลือกตั้งว่า กกต.ยังไม่ได้รับหนังสือนัดจาก เลขาธิการ ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการ ทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น
“ถ้าหากป.ป.ช.ทำหนังสือขอหารือมายัง กกต.ทาง กกต.ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและพูดคุยเพื่อหามาตรการป้องกันดูแลนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการให้คำจำกัดความตามกฎหมายว่าประชานิยมคืออะไรและนโยบายอย่างไรเข้าข่ายเป็นประชานิยม ซึ่ง กกต.เพียงหน่วยเดียว คงดำเนินการไม่ได้ ต้องร่วมกับหลายหน่วยงานอาทิป.ป.ช.และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ในการพิจารณาประเด็นนี้”เลขาธิการ กกต.ย้ำ
นายภุชงค์ ยอมรับว่าส่วนตัวรู้สึกพอใจที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย
และสนับสนุนข้อเสนอของกกต.เกี่ยวกับการปฏิรูปเลือกตั้ง ที่ กกต.เสนอต่อคณะทำงานด้านการปฏิรูปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)หลังจากนี้ กกต.จะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.เพื่อพัฒนาระบบเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพ
ข่าวแจ้งว่า สำหรับข้อเสนอในการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเลือกตั้งที่กกต.เสนอไปบังคณะทำงานด้านการปฎิรูปของ คสช.เป็นการตอบโจทย์ 6
ข้อที่ คสช.ให้มานั้น นอกจากประเด็นจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของส.ส.ที่ต้องไม่เกิน2วาระ หรือ 8 ปี ยังมีข้อเสนอที่น่าสนใจคือเรื่องเสนอให้มีการยกเลิก ส.ว.เพื่อให้เหลือสภาเดียวหรือไม่
“ประเด็นที่กกต.เสนอไปก็คือ ปัญหาการมี ส.ว.เลือกตั้ง และส.ว.สรรหาทำให้เกิดความขัดแย้งในการปฏิบัติหน้าที่โดย ส.ว.เลือกตั้งหนีไม่พ้นถูกพรรคการเมืองครอบงำเพราะฐานที่มาเดียวกับส.ส. ส่วนส.ว.สรรหา ขาดความยึดโยงกับประชาชนจึงควรจะยกเลิก ส.ว.แล้วมีสภาเดียวหรือไม่ หรือหากจะคงไว้ ต้องแก้ไขในเรื่องของคุณสมบัติและที่มา”แหล่งข่วงระบุ
นอกจากนี้ยังเสนอให้เปลี่ยนเขตเลือกตั้งจากเขตเดียวเบอร์เดียว เป็นเขตใหญ่เรียงเบอร์
ซึ่งกกต.ให้เขตใหญ่โดยใช้จังหวัด เป็นเขตเลือกตั้ง ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.ในแต่ละจังหวัดใช้จำนวนคะแนนที่ได้เป็นตัวกำหนดไล่เรียงไปจนครบตามจำนวน ส.ส.ที่พึงมีของจังหวัดนั้นๆ เหมือนการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2543
ส่วนคุณสมบัติผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า1ปี
ห้ามต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ในคดีทุจริตซื้อเสียง คดียาเสพติด คดีหมิ่นสถาบันแล้ว ผู้สมัครส.ส.ต้องจบปริญญาตรี เพื่อให้ได้คนที่มีคุณวุฒิเพียงพอที่จะมาพัฒนาประเทศรวมทั้งต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่สมัครไม่น้อยกว่า5ปี อีกทั้งยังเสนอควรจะยกเลิกการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เพราะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ หากจะคงไว้ ก็ต้องแก้ไขกระบวนการ เพื่อให้มีการใช้สิทธิมากขึ้น
ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายภุชงค์ ยังเป็นประธานประชุมผู้บริหารสำนักงานเพื่อหารือเกี่ยวกับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 5ฉบับ
ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกกต.โดยเห็นว่าควรตั้งคณะทำงานขึ้นมาสังเคราะห์และตอบโจทย์ในแต่ละด้าน โดยคณะทำงานดังกล่าวจะเริ่มประชุมวันที่ 16 กค.นีเพื่อจัดทำข้อเสนอให้เสร็จก่อนส่งให้สภาปฏิรูปต่อไป