แอ้ดสั่งดีเอสไอเอาผิด ทักษิณ หญิงอ้อส่งทนายฟ้องนามฐานหมิ่น

นายกฯ สุรยุทธ์สั่งดีเอสไอเดินหน้าเต็มที่ เอาผิดทักษิณ ฐานฟอกเงิน เผย มีหลักฐานชัดทำนิติกรรมทางการเงินผ่านบริษัทดัง ส่วนคุณหญิงอ้อ ส่งทนายฟ้องนาม ยิ้มแย้ม-สื่อดัง ข้อหาหมิ่นประมาท กรณีให้ข่าวการทำคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ศาลรับเรื่องพิจารณา 16 ก.ค.นี้ ด้าน คมช. ออกตัวพร้อมต่ออายุการทำงานให้คตส. ขณะที่ สรรพากรรับลูกคตส. เร่งรีดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา "โอ๊ค-เอม" ตามกรอบเวลา 45 วัน ที่ประชุมใหญ่ปัดคำร้องค้านอนุสอบกรณีเงินกู้กรุงไทยของ "หญิงอ้อ" พร้อมเผย "ที่ดินรัชดา-กล้ายาง" ใกล้เสร็จ "สัก" ไม่สนใจ "นพดล" ขู่ฟ้อง ย้ำแค่การแสดงความเห็น ยันทำคดีด้วยกรอบประมวลรัษฎากร-คำวินิจฉัยสรรพากร-คำพิพากษาศาลฎีกา ขณะที่ นาม เย้ย จาตุรนต์ กล่าวหาคตส.เป็นศาลเตี้ย ถือเป็นการด่าไม่ใช่ วิจารณ์ สุรเกียรติ์ ให้การมัดทักษิณ ไฟเขียวเอ็กซิม แบงก์ปล่อยเงินกู้ 4 พันล้านให้รัฐบาลพม่า

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นั้น เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ามีประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ุ เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญนายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เข้าร่วมหารือถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานเรียกเก็บภาษี หลังจากที่ คตส.มีมติส่งหนังสือเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส. พิณทองทา ชินวัตร เป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยเวลา 09.00 น. นายศานิต พร้อมนายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร เดินทางเข้าพบคณะอนุกรรมการฯ ปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าวถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุถึงการวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน คตส.ว่าทำงานเป็นศาลเตี้ย เป็นไปโดยสุจริตเพื่อให้มีปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นนั้นว่า การกล่าวหา คตส.ทำงานเป็นศาลเตี้ย ถือว่าเป็นการด่า ซึ่งตามกฎหมายการด่าโดยสุจริตใจไม่มี และหากใครที่ต้องการแสดงความเห็นก็ไม่ว่า แต่ถ้าพูดจาเข้าข่ายดูหมิ่น คตส.ก็จะดำเนินการเช่นนี้เช่นกัน

ตนได้รับทราบข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โยงไปถึงบริษัทเอสซีแอสเซส โดยมีรายงานเข้ามาถึงตนว่าได้มีการรวบรวมหลักฐานและสอบสวนและไต่สวนพยานต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาทำตามขั้นตอน

เมื่อถามว่าสิ่งที่ทางดีเอสไอรายงานมาถึงนั้นมีข้อบ่งชี้เกี่ยวกับการฟอกเงินหรือเกี่ยวข้องกับวิกฤติค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีเอสไอไม่ได้รายงานรายละเอียด เพียงแต่รายงานว่าได้เชิญใครมาให้การเป็นพยานบ้าง รวมถึงได้รับหลักฐานต่าง ๆ จากที่ไหนบ้าง ส่วนในสำนวนจริง ๆ ไม่มีการเปิดเผย เพราะตนไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปรู้ เมื่อถามว่าคดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีที่เคยระบุว่าอาจจะมีคดี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณา ของศาลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงมีหลายคดี รวมทั้งคดีที่ คตส.กำลังดำเนินการด้วย

ซึ่งจะถึงกำหนดในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ว่า ในวันที่ 1 พ.ค. คงได้คำตอบที่ชัดเจน ว่านายสุริยะจะไปชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าว ถือว่า มีความสำคัญมาก และนายสุริยะ ก็ทราบดี ดังนั้นต้องเตรียมตัวที่จะชี้แจงให้ดีที่สุด อีกทั้งเรื่องนี้ มีความละเอียดอ่อน และไม่ทราบว่าทาง คตส.มีประเด็นอะไรบ้าง

"ไม่อยากให้ใช้คำว่า วันที่ 2 พ.ค. เป็นวันสุดท้ายที่จะชี้แจง ควรให้โอกาสเรา อย่างไรก็ตาม นายสุริยะ ยังมีอาการโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคบ้านหมุนอยู่บ้าง ส่วนนายสุริยะเครียดหรือไม่นั้น ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น จะไม่เครียดเลยคงไม่ใช่ ทั้งนี้ ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า หากเรื่องดังกล่าว มีความไม่ชอบมาพากลจริง ผมพร้อมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต" นายอนุชา กล่าว

นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และนายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว. บุรีรัมย์ ได้เดินทางเข้าพบนายนาม เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้ากรณีรัฐบาลอุ้ม ไอทีวี โดยหนังสือระบุว่า เห็นว่าควรเอาผิดกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกฯ และนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ร่วมกันกระทำผิดในการจัดสรรคลื่นความถี่ให้กับกลุ่มพนักงานไอทีวีเดิม และผลกำไรยังตกเป็นของพนักงานแทนที่จะเป็นของรัฐ ซึ่งนายนาม ระบุว่าอยู่ระหว่างรอหนังสือตอบข้อเท็จจริงจากรัฐบาล ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมว่าจะมีอำนาจรับเรื่องไว้ตรวจสอบหรือไม่

นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสำนักข่าวดาวโจนส์ว่า รัฐบาลไทยไม่ต้องการที่จะดำเนินคดีกับกองทุนเทมาเส็ก โฮลดิ้งของสิงคโปร์ แม้ว่าจะทำผิดกฎหมายการถือหุ้นครอบครองของต่างชาติ เพราะได้ซื้อหุ้นของบริษัทชินคอร์ปไปแล้วก็ตาม โดยจะหาทางแก้ปัญหาเพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ของการลงทุนของต่างชาติในประเทศไทยเอาไว้ และยังคงให้เทมาเส็กถือหุ้นต่อไป เพราะเป็นบริษัทลงทุนรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริษัท สารสู่อนาคต จำกัด เจ้าของ นสพ.ไทยโพสต์ นายโรจน์ งามแม้น นางกรรณิกา วิริยะกุล กรรมการผู้มีอำนาจ และนายทวีสิน สถิตย์รัตนชีวิน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 50 จำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย หมิ่นประมาท โดยร่วมกันพิมพ์โฆษณาข้อความใน นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 30 ม.ค. 50 มีใจความสำคัญว่า "คดีที่ดินรัชดาฯ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เรื่องนี้ก็เหมือนกับโจรปล้นทรัพย์สินของเขามา เมื่อถูกจับได้ ทรัพย์ที่ได้ไปโดยผิดกฎหมายก็ต้องยึดและริบกลับมา อันเทียบเคียงได้กับการซื้อที่ดินรัชดาฯ"

โดยข้อความดังกล่าว ทำให้ผู้ที่ได้อ่าน นสพ.ไทยโพสต์ เข้าใจว่า โจทก์ที่ถูก คตส.ชี้มูลความผิด จะต้องถูกริบทรัพย์อันเป็นการได้มาซึ่งที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วโจทก์ได้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากกอง ทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ด้วยการประมูลซื้อโดยเปิดเผยตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ทุกประการ อีกทั้งการใส่ความโดยใช้คำว่า "โจรปล้นทรัพย์ สินของเขามา" ย่อมเป็นที่เข้าใจว่า โจทก์เป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายทางอาญา ในการปล้น ทรัพย์ซึ่งไม่เป็นความจริงเช่นกัน การกระทำของ จำเลยดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาท ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อพิจารณา และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 16 ก.ค. 50 เวลา 09.00 น.

ได้มีการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการแต่ละเรื่อง โดยนายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ ประธานอนุกรรมการไต่สวนการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น รายงานว่า ได้ประสานกับนาย ศานิต ในการดำเนินการเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายพานทองแท้ และ น.ส. พิณทองทา ชินวัตร เพื่อต้องการปรับทิศทางการ ทำงานให้ตรงกัน ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่ากรม สรรพากร จะทำงานให้สอดคล้องกับการทำงาน ของ คตส. โดยจะมีการประเมินและเก็บภาษีนายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา จำนวน 5.6 พันล้านบาท ภายในกรอบระยะเวลา 45 วัน ตามที่ คตส.กำหนด

"ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทแอมเพิลริช อยู่ในระหว่างการสรุปเอกสาร โดยมีความหนากว่า 900 หน้า และพร้อมจะส่งให้กรมสรรพากรได้เร็ว ๆ นี้ ในส่วนของอนุกรรมการไต่สวนบ้านเอื้ออาทร กรณีบ้านร่มเกล้า บางพลี ใกล้แล้วเสร็จ สามารถเสนอต่อที่ประชุม คตส. ได้ในต้นเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้สำหรับคำคัดค้านของคุณหญิงพจมาน ในการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีธนาคารกรุงไทย ปล่อยเงินกู้ให้บริษัทในเครือกฤษดามหานครและพวก รวม 9.9 พันล้านบาท ในที่ประชุมได้มีการยกคำร้อง" นายสัก กล่าว

แจ้งว่าอยู่ระหว่างการสรุปรายงาน และทำสำนวน คาดว่า จะสรุปเข้าสู่ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ได้ ในสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ในส่วนของการออกสลากพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว ที่มีนายอุดม เป็นประธานนั้น ได้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว และอยู่ในระหว่างการดำเนินการ สำหรับคดีกล้ายาง ที่มีนายบรรเจิด สิงคะเนติ เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน จะสามารถทำรายละเอียดและสรุปผลภายในอีก 2-3 สัปดาห์ และเสนอเข้าสู่ที่ประชุม คตส.เพื่อตั้งข้อกล่าวหาได้

นายสัก ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมา โจมตีการทำงานของ คตส.และพร้อมจะฟ้อง กลับว่า ความเห็นของคนอื่น ถ้าไม่เป็นประเด็นที่เสนอต่อ คตส. ก็คงไม่นำมาพิจารณา อย่างไรก็ ดี ผู้ที่มีความเห็นทางกฎหมาย สามารถแสดง ความเห็นขัดแย้งได้ ในชั้นประเมินของกรมสรรพากร ส่วนเรื่องที่นายนพดลจะฟ้องกลับ ก็ถือเป็นเรื่องของความเห็น ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. ทั้งนี้การตรวจสอบภาษีทำตามกฎหมาย การวินิจฉัยของ คตส. จึงไม่ส่งผลกระทบต่อนิติบุคคล หรือบุคคลทั่วไปในภาพรวม เพราะการปฏิบัติของบุคคลทั่วไป ย่อมอยู่ภายใต้ประมวลรัษฎากร รวมทั้งกฎหมายไทยเป็นหลัก หากจะมีผลกระทบ ก็เกิดกับผู้ที่ คตส.วินิจฉัยเท่านั้น

มีการเสนอเรื่องเข้าสู่สภาแล้ว คาดว่าภายใน 30 วันน่าจะแล้วเสร็จ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะพิจารณาแล้วส่งมายังสภาอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะมีการต่ออายุไประยะหนึ่งเท่านั้นจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ในส่วนของคมช. ในภาพรวมไม่ได้ขัดข้องอะไรกับการต่อ อายุ คตส. และเชื่อมั่นว่าภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ คดีต่าง ๆ น่าจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ส่วนคดีใดที่ทำไม่ทันก็คงเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต่อไป คิดว่า คตส.คงไม่รับคดีใหม่ ๆ เข้ามา พิจารณาอีก

ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ุ เป็นประธาน ได้รายงานสรุปผลว่าคำให้การของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ยอมรับว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีมติครม. วันที่ 18 พ.ค. 47 ให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลพม่า ซึ่งนายสุรเกียรติ์ แสดงท่าทีคัดค้านแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งด้วยวาจาให้เพิ่มวงเงินในหมวดหมู่กิจการโทรคมนาคม ทั้ง ๆ ที่ทราบว่ารัฐบาลพม่าจะนำเงินไปซื้อดาวเทียมไอพีสตาร์ บริษัทชินแซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) และนายสุรเกียรติ์ก็แนะนำให้รัฐบาลพม่าไปกู้เงินจากจีนแต่ก็ไม่เป็นผล

นายนาม กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล จะดำเนินการยื่นฟ้อง คตส. เนื่องจากมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าตรงนี้ถือเป็นสิทธิของเขา จะฟ้องก็ฟ้องไป แต่ตนยังไม่ทราบว่าจะฟ้องด้วยเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมานั้น คตส.ได้ดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมาย เท่าที่ฟังดูแล้วก็เหมือนกับเป็นการขู่มากกว่า ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่ทางทนายของเขาที่มีสิทธิที่จะไปฟ้องแต่ตนไม่ทราบว่าจะฟ้องเรื่องอะไร ฟ้องอย่างไร เพราะขณะนี้ทางกรมสรรพากรเอง ก็ยังไม่ได้มีการประเมินภาษีย้อนหลัง กับทางแอมเพิลริช หรือนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร แต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้จะร้อนตัวไปทำไม และหากจะฟ้องก็รอให้มีความชัดเจนก่อนก็ได้.