3 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ของสหรัฐอเมริกา
ได้เผยแพร่บทความทางออนไลน์กรณีการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนของ นายเปโตร โปโรเชนโก มหาเศรษฐีกิจการขนมหวาน เจ้าของฉายา “ราชาช็อกโกแลต” ว่าจะเป็นสามารถก้าวเป็นผู้นำมหาเศรษฐีประชาธิปไตยที่มีประสิทธิผลคนแรกของโลกได้หรือไม่ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเขาจะเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังล่มสลายและปกป้องประเทศจากการดำดิ่งสู่สงครามกลางเมือง
บทความชิ้นดังกล่าวได้ยกตัวอย่างอดีตมหาเศรษฐีของโลกหลายรายที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ อาทิ นายซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลี รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีอาญาหนีคำพิพากษาศาลสั่งจำคุก 2 ปี คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ
เนื้อหาในบทความเรื่อง “Why billionaires make bad presidents” ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ usatoday ที่ยกตัวอย่างอดีตผู้นำประเทศต่างๆ นั้น
ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มหาเศรษฐีโทรคมนาคม ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย เมื่อปี 2544 โดยตอนนี้เขาหลบหนีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคพวก ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณหรือคนเสื้อแดง อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง และไม่ได้รับความยุติธรรมจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณจำนวน 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.6 หมื่นล้านบาท
ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าตอนนี้ไทยถูกปกครองโดยคณะรัฐประหารท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่โซเซ จึงบ่งชี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณแทบไม่ได้ปรับปรุงรากฐานประชาธิปไตยและเศรษฐกิจของประเทศเลย
ตอนท้ายบทความดังกล่าว ระบุว่า เหล่ามหาเศรษฐียังมีคุณลักษณะเฉพาะบางอย่างที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นผู้นำประชาธิปไตยที่ดีได้
ด้วยความสำเร็จของพวกเขามาจากการก่อตั้งบริษัท ละเมิดกฎระเบียบ เพิกเฉยต่อเสียงวิจารณ์ และควบคุมทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตของตนเองและบริษัท ทั้งนี้ พอร่ำรวยแล้ว มหาเศรษฐีเหล่านี้ก็เคยชินกับอำนาจเผด็จการ อยากได้อะไรก็ต้องได้ตามต้องการ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เหล่ามหาเศรษฐีซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจโดยสันดาน จะสามารถวางมือจากผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างทันทีทันใด