โฆษกเพื่อไทยยื่นหนังสือให้ธาริตดำเนินคดี “เทือก” ฐานกบฏ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 เม.ย.ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือ และเอกสารหลักฐาน ซึ่งถอดข้อความจากเทปการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการแจ้งดำเนินคดีอาญากับ นายสุเทพ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา113 โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตามที่นายสุเทพ และแกนนำกปปส.ทั่วประเทศได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นนายสุเทพได้ออกมาประกาศว่า ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีที่มีการร้องให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯสิ้นสุดลง
 
ตนจะพาประชาชนเข้ายึดอำนาจ และประกาศตัวเป็นรัฎฐาธิปัตย์จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้า

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายร่วมกันเป็นกบฏในราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา113 ซึ่งเป็นการเผยธาตุแท้ของนายสุเทพ และกลุ่มกปปส.ว่า แท้จริงแล้วการชุมนุมขับไล่รัฐบาลก็เพียงเพื่อต้องการแย่งชิงอำนาจ เพราะไม่สามารถชนะได้โดยการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยอ้างเรื่องการปฏิรูปประเทศบังหน้า

โฆษฏพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมานายสุเทพ หลอกใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือไปสู่อำนาจของตนเองมาโดยตลอด

และภายหลังการประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ได้เกิดกระแสต่อต้านเป็นวงกว้าง นายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส.ก็ได้ออกมาพูดแก้เกี้ยวว่า การประกาศนั้นเพื่อต้องการต่อต้านรัฐบาลและคนเสื้อแดงที่จะไม่ยอมรับอำนาจศาล ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่ประกาศ ไปซึ่งตนเห็นว่าถึงจะแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะคำพูดและการกระทำของนายสุเทพ และแกนนำกปปส.มีความชัดเจนว่าต้องการสถาปนาตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ โดยอาศัยประชาชนเป็นองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือไปสู่อำนาจ

ดังนั้นตนจึงนำเอกสานหลักฐานเข้ายื่นคำร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ
 
เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสุเทพ กับพวกในข้อหากบฎภายในราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา113 และหลังจากนี้ตนจะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบกรณีเดียวกันภายในสัปดาห์นี้ และขอฝากไปยังประชาชนทั่วไปประเทศ ได้ร่วมกันออกมาต่อต้านนายสุเทพ และช่วยกันรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้

ด้านนายธาริต กล่าวหลังรับเรื่องว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด ในส่วนของวันที่ 5 เม.ย.

ถือเป็นการกระทำที่กลุ่มแกนนำกปปส.ร่วมกันประชุมก่อนจะให้นายสุเทพเป็นตัวแทนประกาศข้อความดังกล่าว ดังนั้นแกน นำกปปส.ที่ร่วมประชุมจึงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมด ซึ่งศอ.รส.จะมีการพูดคุยในที่ประชุม และรวบรวมพยานหลักฐานตรวจสอบพฤติกรรมการกระทำผิด ทั้งที่มีผู้ร้องขอ และที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบให้รอบคอบแต่เบื้องต้นถือว่าเข้าข่ายมาตรา 113 ซึ่งก่อนหน้านี้นายสุเทพก็มีหมายจับในข้อหากบฎจึงถือว่าเป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกัน.