'ประยุทธ์' เชื่อ 'ยิ่งลักษณ์-สุเทพ' ยอมเสียสละ ทุกอย่างจบ แนะ 2 ฝ่ายถอยกลับฟังก.ม. บี้แกนนำเสื้อแดง-กปปส.คุมม็อบให้ได้ เผยไม่อยากใช้ 'กฎอัยการศึก'
26 มี.ค. 57 เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข. (กปปส.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะนัดชุมนุมใหญ่ ว่า หากไม่มีการทำผิดกฎหมาย ก็สามารถชุมนุมได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ แต่มองว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการทำผิดด้วยกันทั้งคู่ ส่วนที่กังวลว่าจะมีการปะทะกันนั้น แกนนำทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในกรอบ และไม่ให้มีการเผชิญหน้า หรือการปะทะกัน รวมถึงการใช้อาวุธต่อกัน แต่วันนี้แกนนำยังไม่สามารถควบคุมตรงนี้ได้ และสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นซึ่งผู้ที่บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาร่วมชุมนุมของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะต่างเชื่อมั่นว่าฝ่ายตัวเองถูกต้องและชอบธรรม
ถือว่าเป็นความคิดที่บริสุทธิ์ของประชาชน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับแกนนำ ผู้รักษากฎหมาย ว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องเพิ่มจุดตรวจความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า ถือว่ามีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ ส่วนจะเพิ่มหรือไม่ ต้องดูที่เหตุการณ์ หากมีเหตุการณ์รุนแรงมาก ก็จัดเพิ่มมากขึ้น โดยการขออนุมัติจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เพราะกองทัพบกมีตัวแทนเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. ได้ชมเชยว่า การตั้งจุดตรวจความมั่นคงได้ผลในการลดความรุนแรงได้มาก และไม่ได้บอกว่าจะให้ลด แต่อยากให้มีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ ปรับกำลังไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุ กองทัพบกยังเป็นกองทัพของประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม เรามีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย
หากกลุ่ม นปช.ชุมนุม เราก็ต้องตั้งจุดตรวจรอบผู้ชุมนุมเหมือนกัน อยากขอร้องถึงท่าทีและการแสดงออก อยากให้อยู่ในกติกา ไม่ใช้ความรุนแรง
ประชาชนอย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ส่วนการดูแลศาลและองค์กรอิสระนั้น ได้มีจุดตรวจและปรับตามความเหมาะสม พร้อมประสานกับตำรวจในการป้องกันสถานที่ราชการทั้งศาล และ ป.ป.ช. รวมถึงตั้งจุดตรวจค้นอาวุธสงคราม ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมอาวุธนั้น เป็นกำลังพลที่ถืออาวุธส่วนตัวเข้าไป ไม่ได้นำมาจากคลังทหาร หากถูกจับก็ต้องถูกดำเนินคดีในคดีพกพาอาวุธปืน ถือเป็นเรื่องส่วนตัว
และจะยื่นคำร้องต่อสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดกับ ผบ.ทบ. ฐานละเว้นการปฏิบัติที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางกองทัพบกได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว และตำรวจออกหมายเรียกแล้ว ทหารไม่สามารถออกมาจับกุม หรือปิดเว็บไซต์ได้ เราดำเนินการทุกคดีที่มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและมีคณะทำงานทำมาตลอด อย่าคิดว่า ทหารมีอำนาจนอกระบบมากมาย มีอาวุธแล้วทำได้ทุกอย่าง หากทหารทำเกินกว่าเหตุถือว่า ผิด อย่าเอาแต่ใจ เพราะจะติดเป็นนิสัย ว่าอะไรก็ใช้คนหมู่มาก ใช้ความรุนแรง ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้ แล้วคนบังคับใช้กฎหมายต้องทำให้ชอบธรรม และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้ได้มีโอกาสโต้แย้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎอัยการศึกมีไว้เพื่อระงับเหตุร้าย จลาจล ตนไม่อยากจะให้ใช้ยาแรง แต่ถ้าคนไข้ดื้อยา ยาอะไรก็เอาไม่อยู่ ต่อให้มีร้อยกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อฟังกฎหมาย ต้องถอยกลับมาฟังกฎหมายแล้วสู้กันตามนั้น ถ้าไม่เอากฎหมายเป็นหลักแล้วจะสู้กันด้วยคนหมู่มากหรืออย่างไร จะให้เป็นเหมือนสมัยอดีตที่รบกัน ใครมีกำลังมากกว่าก็ชนะหรือไม่