แถลงข่าวถึงกรณีที่ คณะรัฐมนตรีเตรียมการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ แทน โดยอ้างว่ามีการจำกัดพื้นที่การชุมนุมไม่มีแนวโน้มความรุนแรงและอ้างว่า เพื่อให้สถานการณ์ประเทศดีขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากการท่องเที่ยวเพราะ บังเกอร์ทหารทำลายภาพลักษณ์ประเทศว่า หากมองเผิน ๆ เหมือนกับว่ารัฐบาลมีเจตนาที่ดีกับประเทศ แต่เมื่อพิจารณาในข้อเท็จจริงพบว่าเป็นหนึ่งในยุทธวิธีในการเดินหน้ารุกไล่ ผู้ชุมนุม เพราะการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ผ่านมาใช้เฉพาะกับกลุ่มมวลชน กปปส. จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าการอ้างว่าสถานการณ์ดีขึ้น
รัฐบาลเอาอะไรมาวิเคราะห์ เพราะเมื่อวานนี้ยังมีการลอบวางระเบิดที่ศาลอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด
มีการยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภริยานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นครั้งที่ 2 และพยายามยิงใส่สำนักงาน ป.ป.ช. รวมทั้งล่าสุดมีการลอบวางระเบิดย่านเพลินจิต จึงต้องถามว่าสถานการณ์แบบนี้หรือที่เรียกว่าดีขึ้น ทำให้ตนจึงต้องตั้งข้อสังเกตว่าการยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเปิดทางให้คนที่ไม่หวังดีกับประชาชนที่ชุมนุมต่อต้าน รัฐบาลดำเนินการอย่างสะดวกหรือไม่ เพราะตนไม่อยากให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อให้เกิดการสังหารหมู่ประชาชน
ที่ออกมาระบุว่าสถานการณ์ลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์นั้น ถือเป็นการพูดทางการเมืองไม่ได้อยู่บนพื้นฐานการรักษาความสงบของบ้านเมือง และเห็นว่าการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้เพื่อกดดันให้กองทัพยกเลิกการตั้งบังเกอร์กว่า 170 จุด เพื่อไม่ให้ปกป้องประชาชนในขณะที่ความรุนแรงยังเกิดกับประชาชน จึงเกรงว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ล้อมประชาชนให้ชายชุดดำสังหารประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการจัดตั้งมวลชนคนเสื้อแดงมีการตั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นประธาน นปช. และมีการรับสมัครการ์ดของนายสุพร อัตถาวงษ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองอีกด้วย