'นายกฯ' ค้านแนวคิดแบ่งประเทศ วอนทุกฝ่ายหันหน้าคุยกัน หนุนแนวคิด 'ผบ.ทบ.' เจรจายุติสงครามกลางเมือง ย้ำอยู่เพื่อรักษาระบอบปชต. ปัดตอบเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา ปปช.
ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นด้วยกับกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ระบุว่าหากคู่ขัดแย้งไม่ยัดกฏหมายและไม่มีการเจรจาอาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง ว่า ตนเห็นด้วยและก็อยากให้เกิดการเจรจา รัฐบาลอยากให้บ้านเมืองมีการแก้ไขปัญหาด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นสังคมมีความแตกแยกไปเรื่อยๆ จนนำไปสู่ความรุนแรง เกิดความสูญเสียชีวิตของผู้คน เพราะเราเจ็บปวดกันมามากแล้ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถ้านายสุเทพเห็นแก่ประเทศก็มาพูดคุยกันเถอะ ตนไม่ปฏิเสธเรื่องของการพูดคุย แต่การพูดคุยก็ต้องประกอบไปด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้หันหน้ามาพูดคุยกัน สุดท้ายจะได้ผลอย่างไร ประชาชนต้องมีส่วนรู้และรับทราบและรับรู้ในการตัดสินใจร่วมกัน ถือเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะได้หลีกเลี่ยงความรุนแรง นำไปสู่การแก้ปัญหาโดยสันติ เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ฝ่ายบริหารจัดการเลือกตั้ง พยายามเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาในครั้งนี้ถือว่าดีหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอฝากไปยังกกต.ว่า การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้น ซึ่งตนอยากให้ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะผบ.ทบ.ในฐานะรองผอ.กอ.รมน.จะได้ถือโอกาสเข้าไปดูในเรื่องความมั่นคงและช่วยในการอำนวยความสะดวกให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย
การตรวจสอบนั้นก็ควรจะต้องมีการดูแลกันในทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยในการใช้ความรุนแรง จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ ในการเข้าไปช่วยกันอำนวยความสะดวกการจัดการเลือกตั้งเพื่อให้พื้นที่การจัดการเลือกตั้งมีความปลอดภัย
นายกฯ กล่าวว่า "ดิฉันอยากเห็นความสามัคคีของคนไทยไม่ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นเช่นนี้ที่ผ่านมามีความพยายามพูดเสมอว่า เราต้องอดทน อดกลั้นและหันหน้าเข้าหากันประเทศไทยจะต้องมีความรัก ความสามัคคี ความสงบ ถือเป็นเจตนารมย์ตั้งแต่แรกของรัฐบาลอยู่แล้วและวันนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเจตนารมย์ดังกล่าว ยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังจนก่อให้เกิดคงามรุนแรง"
"ต้องเรียนว่า ดิฉันยืนอยู่บนสายและหลักของประชาธิปไตยดิฉันยืนอยู่ในลักษณะของระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นการยืนเพื่อรักษาตัวเอง แต่เราต้องช่วยกันในการทำให้ระบอบประชาธิปไตยเดินได้ จะเห็นว่าในหลายประเทศที่มีความรุนแรง ก็ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาด้วยความสงบ เราก็อยากเห็นประเทศไทยเป็นเหมือนหนึ่งกับหลายๆ ประเทศที่แก้ปัญหาด้วยความสงบ เราเห็นภาพในหลายประเทศที่มีความรุนแรงจนเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เราไม่อยากเห็นภาพนั้นกับคนไทย จึงอยากขอร้องและวิงวอนทุกๆ ฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เชื่อว่าวันนี้ถึงเวลาแล้ว เราไม่อยากเห็นประเทศเจ็บปวดไปมากว่านี้"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนสนใจปัญหาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่การที่เดินทางมาลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพราะไม่ต้องการให้เกิดแรงปะทะระหว่างผู้ชุมนมกับรัฐบาล เราอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำงานและเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่า ในส่วนของคำสั่งของศาลแพ่งที่ออกมาก็ต้องให้ศรส. ได้พิจารณาและทบทวนว่าวิธีการและแนวทางที่จะต้องดูแลเป็นอย่างไร ก็ต้องขอความเห็นใจ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีความยากจริงๆ ถ้าจะให้ตนอยู่ กทม.แล้วทำงานก็จะกลายเป็นว่าจะต้องเกิดการเผชิญหน้ากัน ตนก็เดินทางมาทำงานในต่างจังหวัด แต่ยืนยันว่าคอยติดตามสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นในกทม.ตลอดเวลา ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็มีหน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งถัาทุกคนรับผิดชอบและทำงานในหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น
"ขอหารือกับทีมที่ปรึกษาและคณะทำงานด้านกฎหมายก่อน และยังไม่ทราบกรณีที่มีข่าวว่าจะเลื่อนการขอเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยกับคณะทำงาน"