เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนและกรรมการ กปปส. กล่าวถึงวิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ ว่า เข้าโค้งสุดท้ายและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เพราะระบอบทักษิณถูกเขย่ารุนแรงมากกว่าที่ผ่าน ๆ มา ปัจจัยที่เคยเป็นกลไกขับเคลื่อนระบอบทักษิณเริ่มหมดสภาพ และไม่ทำงานเหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยม ที่เป็นหัวใจระบอบทักษิณถูกเปิดโปงและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่สำคัญประชานิยมขนาดใหญ่ภายใต้แผนกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ก็ถูกแช่แข็งไม่มีอนาคต ส่วนเสียงข้างมากในสภาที่ไร้ความชอบธรรม ไม่สามารถคุ้มครองรัฐบาลยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณได้อีกต่อไป
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กลไกรัฐตำรวจและดีเอสไอที่เคยรุ่งเรืองตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนและถูกถ่วงดุลกำกับการใช้อำนาจโดยศาลมากขึ้น รวมถึง ศรส.กลายเป็นยักษ์ไม่มีกระบองในขณะที่กองทัพก็รักษาระยะห่าง ส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่อยู่ในสถานะที่ปลอดภัย หวาดระแวงคนรอบตัวหรือกระทั่งหน่วยงานที่คุมความมั่นคง นอกจากนี้ยังคาดการณ์ได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจมีจุดจบเหมือนพี่ชายจากคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว
“สภาวะจนตรอกของระบอบทักษิณ จึงไม่มีทางเลือกมากมายเหมือนในอดีต จึงเหลือทางเลือกเดียวคือพึ่งบริการเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ ประสานกำลังกับตำรวจลิ่วล้อบริวารจำนวนหนึ่งปฏิบัติการณ์ใต้ดิน เน้นความรุนแรงไม่จำกัดพื้นที่ แม้กระทั่งยิงถล่มศาล เพื่อกดดันต่อรองและหวังข่มขู่เอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามก็พร้อมจะทำ ถ้าต่อรองไม่ได้ก็พร้อมทำสงครามไม่สนใจหายนะ ดังที่เคยพูดว่าถ้าตัวเขาอยู่ไม่ได้คนอื่นก็อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบได้ หากพ่ายแพ้อีกมีความเป็นไปได้ที่ทักษิณอาจให้น้องสาวหนีออกนอกประเทศและตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น”นายสุริยะใส กล่าว.