ทางเลือกที่เหลืออยู่ของรัฐบาล
ทางเลือกที่เหลืออยู่ของรัฐบาล
นับจากวันมีคำพิพากษาของศาลแพ่งต่อกรณีการออกประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่าเป็นสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถกระทำได้ในฐานะฝ่ายบริหาร แต่แถมพกด้วยข้อห้ามที่ทาง "ศูนย์รักษาความสงบ" (ศรส.) องค์กรซึ่งกำกับดูแลการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินได้ประกาศไว้ก่อนหน้า 9 ข้อ ที่ถือเป็นแขนขาหรือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการใช้จัดการกับผู้ชุมนุม กปปส. ในมุมมองของทางรัฐบาล
เมื่อผลทางกฎหมายออกมาในทางไม่น่าจะเป็นคุณต่อทาง ศรส. เพราะแม้กระทั่ง คุณเฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการ ศรส. ถึงกับต้องส่งหนังสือขอความเห็นและคำแนะนำในการปฏิบัติแก้ไขสถานการณ์ในกรณีต่างๆ จากศาลแพ่ง ที่หลายคนพิจารณาคล้ายจะเป็นการประชดประชันอยู่ในที ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าหมากกระดานนี้ฝ่ายรัฐกำลังอยู่ในที่นั่งลำบาก
หลายคนเชื่อกันว่านอกจากการอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่ออกมานี้แล้ว ทางฝ่ายกฎหมายและอาจรวมไปถึง "กลุ่มนิติราษฎร์" ซึ่งมีท่าทีสนับสนุนรัฐบาลน่าจะกำลังรวบรวมข้อมูลและศึกษาวิเคราะห์แนวทางคำพิพากษาอย่างละเอียดก่อนจะออกมาตอบโต้เห็นแย้งกับคำพิพากษาดังกล่าว
สิ่งที่ปรากฏในเว็บไซต์หลายแห่งที่อยู่ในข่ายสนับสนุนรัฐบาลพยายามแสดงความเห็นและหาทางออกหลากหลายวิธีการให้รัฐบาลหรือคนใกล้ชิดผู้นำรัฐบาลได้พิจารณาแก้ไขหาทางออกให้แก่ตนเองและหมู่คณะอย่างขะมักเขม้น มีตั้งแต่การเสนอให้กดดันกองทัพให้ประกาศกฎอัยการศึกไปกระทั่งสิ่งที่ไม่อยากให้เป็นวงจรอุบาทว์อย่างการรัฐประหาร ที่บางคนไปนำวิธีการ "ปฏิวัติตนเอง" ของ จอมพลถนอม กิตติขจร ในอดีตมาเป็นบรรทัดฐาน
ทั้งนี้ คนที่นำเสนอคิดไกลไปถึง "การฉีกรัฐธรรมนูญ" เพื่อดำเนินการย้อนกลับไปสู่บุคคล หน่วยงาน องค์กร ที่ให้การสนับสนุนหรือเป็นแนวร่วมกับ กปปส. ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งต่อความอ่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ เพราะเชื่อว่ากองทัพคงไม่เล่นด้วย ดังคำยืนยันของผู้นำเหล่าทัพที่ยังยืนยันที่จะให้ "ปัญหาการเมืองได้รับการแก้ไขเยียวยากันด้วยกรรมวิธีทางการเมือง"
ต้องยอมรับว่าความสุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนับจากวินาทีนี้ล้วนเป็นไปได้ในหลายตัวแบบ ตั้งแต่การเข้าปะทะของกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงกระทั่งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงนอกรูปแบบ หรือกระทั่งความบานปลายของเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความสูญเสียดังในกรณีของหลายประเทศที่มีภาวะวิกฤติทางการเมืองละม้ายคล้ายคลึงกับของประเทศไทย สำคัญที่สุดและเร่งด่วนที่สุดซึ่งอาจช่วยบรรเทาแก้ไขสถานการณ์เบื้องหน้าอยู่ได้บ้างคือ ความพยายามที่จะต้องช่วยกันลดทอนความเกลียดชังซึ่งกันและกันลงให้ได้ เพราะการขยายผลความรุนแรงด้วยวาทกรรมเชิงลบหรือการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในทางบ่อนทำลายซึ่งกันและกันอย่างไร้เหตุผลและพยานหลักฐานที่ถูกต้องชัดเจน กำลังดำเนินอยู่ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือน
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!