ผบช.น.สั่งเตรียมพร้อมเดินหน้ายึดคืนพื้นที่รอบทำเนียบ ยันไม่ใช้ความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำผู้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ปิดประตูเข้าออกด้านหน้า เปิดไว้เพียงช่องทางเดินเท่านั้น เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมปิดล้อมบุกรุกเข้ามาด้านในเหมือนเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในวันนั้นที่สั่งให้ตำรวจปราบจลาจล และกองร้อยควบคุมฝูงชน 30 กองร้อย 4,500 นาย พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัวครบชุด และอาวุธคู่กายเข้ายึดคืนพื้นที่ถนนราชดำเนินนอก สะพานมัฆวานรังสรรค์ และเป้าหมายพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล
โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจมบช.น.
ทั้งหมดเข้าปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่เป้าหมายให้สำเร็จภายในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ตามคำสั่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. ซึ่งมอบหมาย บช.น.ยึดพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และถนนราชดำเนิน ตั้งแต่สะพานมัฆวานฯ ถึงสะพานผ่านฟ้าฯ โดยเน้นย้ำว่าที่ทำเนียบรัฐบาลต้องเปิดทำการให้ได้อย่างช้าในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ตำรวจนครบาลพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศรส.อย่างเคร่งครัด
โดยเริ่มจากการเจรจาก่อนทุกครั้ง และยึดหลักปฏิบัติตามหลักสากล จากขั้นตอนเบาไปหาหนัก มีการชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้ทราบทุกขั้นตอน ตำรวจจะปฏิบัติตามกฎหมายไม่ใช้ความรุนแรง โดยระหว่างการขอคืนพื้นที่จะมีสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย โดยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยติดตามข่าวเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ให้มีการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้เป็นไปตามขั้นตอน กำชับให้ดำเนินคดีต่างๆ ทั้งคดีขัดขวางการเลือกตั้ง คดีที่เกี่ยวกับการชุมนุม คดีสำคัญที่เกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรม และคดีเกี่ยวกับความมั่นคง ได้เร่งรัดฝ่ายสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับมาดำเนินคดีเพื่อให้คลี่คลายสถานการณ์ชุมนุมกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำผู้ปฏิบัติไม่ให้ใช้ความรุนแรง ให้ยึดหลักสากลและความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปฏิบัติการขอยึดคืนพื้นที่ และจับกุมแกนนำคนสำคัญที่ ศรส.กำชับสั่งการตำรวจในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่นำนายตำรวจชั่นผู้ใหญ่ที่มีฝีไม้รายมือด้านการปราบจลาจลเข้าร่วมทั้งสิ้น
โดย พล.ต.อ.อดุลย์ ได้คัดสรรคณะทำงานเข้าผนึกในทีมเวิร์คขุนพลคุมกำลัง ศปก.รส.รับผิดชอบฝ่ายปฏิบัติการ
อาทิ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. รับผิดชอบภาพรวมการชุมนุม โดยทั้ง พล.ต.อ.วรพงษ์ และพล.ต.ท.ปริญญา เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่มีความสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียน นรต. รวมถึง พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส.รับผิดชอบด้านการข่าว มือขวาของ พล.ต.อ.อดุลย์ สมัยทำงานในพื้นที่ภาคใต้
รวมถึงนายตำรวจที่มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ในอดีตประกอบด้วย พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 เทียบเท่า รองผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผบช.สพฐ.ตร. รับผิดชอบงานพิสูจน์หลักฐาน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผบ.ตร.รับผิดชอบงานสืบสวน พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 รับผิดชอบงานสอบสวน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับผิดชอบการเจรจาต่อรอง โดยมีเป้าหมายคลี่คลายสถานการณ์ชุมนุมประท้วงให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และให้ นายกฯสามารถกลับเข้าไปทำงานได้ปกติตามคำสั่งของนายใหญ่