เมื่อเวลา 10:00 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) อาคารกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)
ภายในสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผอ.ศรส. เดินทางมาร่วมประชุมวางแผนการดูแลป้องกันเหตุความรุนเเรงจากการชุมนุม โดย ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า จากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมกปท.นำมวลชนเข้าปิดล้อมเเละยึดพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทยไว้ ทางศรส.ได้ขีดเส้นตายให้ถึงวันจันทร์นี้ ไม่อย่างนั้นจะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการขอคืนพื้นที่เพื่อให้ข้าราชการได้กลับเข้าทำงาน เเต่จากการประเมินสถานการณ์พบว่ายังมีอุปสรรคจากแนวป้องกันลวดหนามที่กระทรวงมหาดไทยนั้นแน่นหนามาก หากเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าไป อาจมีการปะทะกันได้ ซึ่งในวันนี้เวลา 14.00 น. ทางศรส.จะส่งทีมเข้าเจรจากับแกนนำกปท.อีกครั้ง ถ้ายังไม่บรรลุผล คงต้องประชุมหาแนวทางอื่นต่อไป
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ หม่อมอุ๋ย ที่ได้ออกมาเสนอทางออกของประเทศ
ซึ่งระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี ลาออก นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุไว้ว่า คณะรัฐมนตรี ต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ส่วนกลุ่มนักวิชาการที่ออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ก็ขอให้ออกมาตั้งพรรคการเมือง เข้าบริหารประเทศ จะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองมากกว่า
สำหรับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขี้นในพื้นที่การชุมนุมที่มีอย่างต่อเนื่อง ตนรู้สึกเป็นห่วงประชาชนผู้ชุมนุม เพราะบอกเสมอว่า ต้องมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะมีฝ่ายที่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง เนื่องจากศรส.ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ในการเข้าสลายการชุมนุม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ขณะที่ความคืบหน้าของ กรณี 136 รายชื่อบริษัทกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงที่คอยสนับสนุนเงินทุนกปปส. ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้
และขณะนี้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ และ ป.ป.ง. ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่ดิน ที่นายแทน เทือกสุบรรณ จะซื้อในราคากว่า 200 ล้านบาท หลังนายสุเทพโดนอายัดบัญชี เป็นหน้าที่ ป.ป.ง.ในการตรวจสอบ ตนไม่เกี่ยว
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า
ในวันนี้จะมีการติดตามการดำเนินคดีเกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้งในส่วนของต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งคดีเกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เข้าข่ายกระทำความผิด อาทิ การประกาศปิดหน่วยเลือกตั้งก่อนเวลา การลาออกอย่างกะทันหันของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.จะต้องถูกดำเนินคดีเป็นสองเท่าของประชาชนทั่วไป
ส่วนกรณีการเนรเทศ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย
นายสุรพงษ์ ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย รวมถึงทางกระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องชี้แจงไปยังประเทศอินเดีย เนื่องจากประเทศอินเดียยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และเชื่อว่าชาวอินเดียที่อาศัยในประเทศไทยมีความเข้าใจ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
