“ อภิสิทธิ์ ” ย้อนศรรัฐประจานตัวเอง

“ อภิสิทธิ์ ” ย้อนศรรัฐประจานตัวเอง งัดเสียงคนไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งมากกว่า คนไปใช้สิทธิ์เท่าตัว ไล่ “ปู”เดินหน้า 2 เรื่องปูทางเลือกตั้งใหม่ แนะเลิกบีบกกต. ไม่หวั่นพท.ยื่นยุบ ปชป.ลั่นไม่ได้ทำผิด เย้ยยุทธศาสตร์โลกล้อมไทยเหลว ยันคนต่างชาติตาสว่างแล้ว

เมื่อเวลา 10.15 น.วันที่ 6 ก.พ. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

กล่าวถึงทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ว่า มีสองขั้นตอนที่ควรทำคือ 1. ต้องทำเรื่องการปฏิรูปประเทศให้ชัดก่อนจะมีการเลือกตั้ง 2. ทำให้ทุกคนมีความมั่นใจว่า กระบวนการเลือกตั้งจะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านมารัฐบาลพยายามดึงดัน บีบบังคับ ข่มขู่ กกต. เพื่อแสวงหาอำนาจ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะรักษาการต่อไปจะทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสไม่สามารถ แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ความขัดแย้งจะยืดเยื้อรุนแรงขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องยอมรับความจริงกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ให้ทุกฝ่ายพูดคุยกัน หาทางออกในเงื่อนไขการเลือกตั้งและการปฏิรูป

ส่วนที่รัฐบาลอ้างจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ  20 ล้านเสียงมาสร้างความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกแปลกใจ ถ้าบอกว่า 20 ล้านคนไปเลือกตั้งแต่ก็มีคนจำนวนมากกว่าที่ตัดสินใจไม่ไปใช้สิทธิ์ และใน 20 ล้านคนมีอีก 6 ล้านคน ที่ไม่แสดงเจตนาเลือกพรรคการเมืองใดเลย ดังนั้นวันนี้จึงมีเพียงแค่ 14 ล้านคน ที่ไปเลือกพรรคการเมืองผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้แต่มีคนมากกว่าเท่าตัวที่ ไม่ไปเลือกคนเหล่านี้ และถ้าจะบอกว่า มีคน 25 เปอร์เซ็นต์ ที่ปกติจะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ก็ต้องมองด้วยว่า มีคนที่ปกติไปเลือกตั้งแต่คราวนี้ไม่ไปก็มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งหากนำไปรวมกับบัตรเสีย โหวตโนก็ยังมากกว่าคนที่ไปเลือกพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ดี

“ ผมถามว่าถ้าอ้างสิทธิของคน14 ล้านคนแล้วสิทธิของคนที่เหลือที่เยอะกว่าไม่ฟังเลยหรือว่าเขาได้แสดงออกแล้ว ในทางการเมืองว่าไม่เห็นพ้องด้วยกับพรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ครั้งนี้ถ้าคิดว่าคนเท่ากันก็แปลว่า คนที่ไม่เอาพรรคการเมืองเหล่านี้มากกว่าทำไมไม่ฟังผมคิดว่า ปัญหาทั้งในทางข้อกฎหมายและความเป็นจริงวันนี้รัฐบาลต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งไปไม่ได้ก็ต้องหาแนวทางที่จะให้สังคมทำข้อตกลงกันให้การเลือก ตั้งไปได้จะต้องทำ อย่างไรและเลือกตั้งเมื่อไหร่ ซึ่งผมคิดว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้เปรียบ เสมือนกับการทำประชามติกลาย ๆ ว่า เสียงส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการเลือกตั้งครั้งนี้และผมก็เป็นคนหนึ่งที่ แสดงออกว่าไม่ไปเลือกตั้งครั้งนี้เพราะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญรัฐบาลพยายามเอา การเลือกตั้งมาสร้างความชอบธรรมว่าการเลือกตั้งจบไปแล้วถือเป็นการประจานตัว เองมากกว่า ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์โฆษก พรรคเพื่อไทย ไปยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ นั้นไม่รู้สึกกังวล

เพราะพรรคไม่ทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และ 237 นายพร้อมพงศ์ร้องทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่การร้องกันไปร้องกันมาจะทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่าย จึงได้กำชับทีมกฎหมายของพรรคว่า จะร้องเฉพาะประเด็นที่มีความชัดเจนเท่านั้น

เมื่อถามว่า นายบัน คีมุนเลขาธิการสหประชาชาติ ระบุการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเป็นการพูดในหลักการ แต่ปัญหาของประเทศไทยไม่ได้อยู่ที่การไม่สามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจใน กระบวนการทั้งหลายได้ ทั้งนี้คิดว่าความพยายามที่จะใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อม ประเทศด้วยการบิดเบือนข้อมูลต่อนานาชาตินั้นไม่ประสบความสำเร็จเพราะเท่าที่ สัมผัสกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศและผู้แทนจากต่างประเทศ แม้กระทั่งนักวิชาการในต่างประเทศก็เริ่มเข้าใจปัญหาประเทศไทยอย่างรอบด้าน มากขึ้นไม่ได้เป็นไปในแนวทางที่รัฐบาลต้องการ จึงเชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ถูกบีบโดยนานาชาติ.