นักวิชาการ แนะยึด ศก.พอเพียง ล้างบางระบอบ ทักษิณ
น.ส.กชวรรณ ชัยบุตรโดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 มีนาคม 2549 20:05 น.
วิทยากร เชียงกูล กัดฟันชมทักษิณโคตรเก่งทำคนแตกแยก งงดื้อด้านอยู่ได้ไง คนไล่ทั้งแผ่นดิน เป็นนายกฯ ไทยคนเดียวกินก๋วยเตี๋ยวยังถูกไล่ เสนอทางออกหลังโค่นคนซุกหุ้น เสริมการศึกษา เปิดประเทศแต่น้อย นำธงเศรษฐกิจพอเพียง ล้างบางระบอบทักษิณ แนะพันธมิตรฯ เดินเกมเปิดข้อมูลจริง พึ่งศาลปกครอง ด้าน กชวรรณ เสนอยกเครื่องกฎหมายทั้งระบบแก้วิกฤตชาติ
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (ศยป.) มีการจัดเสวนามหาวิทยาลัยการเมือง ประจำเดือนมีนาคม 2549 หัวข้อ การเมืองอุดมคติ ในอนาคตสังคมไทย โดยมี นายวิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.กชวรรณ ชัยบุตร เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ สยป.
นายวิทยากร กล่าวว่า ขณะนี้สังคมถูกแยกออกสองขั้ว คือ คนจน คนรวย พอพรรคไทยรักไทยเอาเงินภาษีนำไปแจกจ่ายผ่านนโยบายประชานิยมรักเสียจนยอมทุ่มเททุกอย่าง เพราะส่วนหนึ่งเขาถูกครอบงำด้วยการจำกัดการสื่อสาร เน้นการสื่อสารแบบตลาดผ่านทีวี วิทยุมากจนคนเข้าไม่ถึงข้อมูล อีกทั้งการศึกษาก็มีคุณภาพต่ำไม่ได้สอนให้คนมองอย่างวิเคราะห์ การที่จะมองว่าทฤษฎีสองนัคราประชาธิปไตย ที่บอกว่า คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาลแล้วคนเมืองล้มรัฐบาลนั้น ก็ถือว่าเป็นการมองแบบหยาบ ๆ เกินไป เพราะความเป็นจริงก็ยังมีมากที่คนเมืองยังเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ คนเหล่านี้ขาดการมองอย่างรอบด้าน คิดแต่ประโยชน์ตัว จึงไม่ได้คิดเพื่อส่วนรวม ส่วนคนต่างจังหวัดนั้นก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากรับรู้ข่าวสาร แต่เป็นการเกิดขึ้นจากสังคมไทยได้ปลูกฝังการรับรู้จากรัฐบาลที่เป็นการรับรู้ข้อมูลแบบมอมเมามากว่า 50-60 ปี แล้ว
สังคมไทยมีเศรษฐกิจแบบเจ้าขุนมูลนาย ผูกขาดมานาน และฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยจนพัฒนาเป็นทุนนิยมผูกขาด เศรษฐกิจแบบนี้ไม่ได้ทำให้การแข่งขันเป็นธรรม แต่ได้ทำให้ชาวบ้านเป็นเหยื่อของการบริโภค ตกอยู่ภายใต้การพึ่งพิง ซึ่งพรรคไทยรักไทย ถือว่า ฉลาดกว่าพรรคอื่นที่เอาชาวบ้านมาเป็นเหยื่อโดยการนำนโยบายประชานิยมต่าง ๆ ไปล่อให้ลงคะแนนเสียงให้ได้ ดังนั้น การสร้างสังคมที่ดีกว่าจึงไม่ใช่เพียงการเรียกร้องให้ทักษิณออกไปเท่านั้น แต่ต้องมองข้ามชอตไปว่าจะทำอย่างไรให้ระบอบทักษิณออกไปด้วย เนื่องจากระบอบนี้ไม่ได้ทำแค่การมีผลประโยชน์ทับซ้อน การซุกหุ้นอย่างไร้คุณธรรม แต่ยังเป็นระบบเศรษฐกิจแบบกอบโกยล้างผลาญ ที่มุ่งแต่เอาประโยชน์เข้าตัว พวกตัว ที่ตรงกันข้ามกับระบบเศรษฐกิจแบบยั่งยืน นักวิชาการผู้นี้ กล่าว
นอกจากนี้ นายวิทยากร ยังได้สะท้อนถึงระบบเศรษฐกิจแบบกอบโกยล้างผลาญอีกว่า เป็นระบบที่นำงบประมาณของประเทศไปใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย แล้วออกพันธบัตรมาล้างหนี้ และมีนโยบายเอาเงินของลูกหลานที่จะต้องใช้ในอีก 30 ปีข้างหน้ามาใช้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนให้ข้าราชการนำเงินบำเหน็จที่เป็นเงินที่คนตายเก็บไว้ให้ลูกหลานมาใช้ก่อน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสอดคล้องของสังคมไทย เพราะต้องการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีเงินใช้เร็วๆ ซึ่งก็เข้าทางพรรคไทยรักไทย
เป็นเรื่องตลกมากที่คุณทักษิณยังบริหารประเทศไทยให้เหมือนบริหารบริษัท คิดจะเอารัฐมนตรีคนใดมาทำงานก็ได้ คงมีประเทศเดียวเท่านั้นที่มีนายกฯ คิดแปลกแบบนี้ ถ้าเป็นประเทศอื่นคงไม่มีใครยอม แถมยังจะหัวเราะเยาะผู้นำที่มีความคิดแปลก ๆ คนนี้ไปแล้ว คนเดือนตุลาฯ กล่าว
นายวิทยากร กล่าวอีกว่า การพัฒนาประเทศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีกว่า หรือการเมืองในอุดมการณ์สามารถทำได้โดยการสร้างระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมืองใหม่ ที่พออยู่พอกิน ไม่ใช่การให้ทุกคนกลับไปทำนาทั้งหมด ทำได้ด้วยการเปิดประเทศให้น้อยลง พร้อมกับเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า จัดตั้งองค์กรของตัวเอง เช่น กลุ่มสหกรณ์ พร้อมกับจัดตั้งสมาคมองค์กรวิชาชีพต่างๆ การส่งเสริมการศึกษาให้มีเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงต้องผลักดันพร้อมกับภาคการเมืองที่เป็นไปได้ แต่ตอนนี้เรามีผู้นำห่วย ๆ จึงผลักดันไม่ได้ การที่มองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังคิดไม่แตกต่างจากพรรคไทยรักไทย ไม่มีนโยบายใหม่ ทั้งที่คนไทยต้องการสิ่งใหม่ การอ้างว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะโกงน้อยกว่าก็เชื่อไม่ได้ และไม่ใช่นโยบายที่ต้องการ
สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำกลับตรงกันข้ามกับแนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่ทางที่ยั่งยืน เพราะมีผู้นำที่หาแต่วิธีเลี่ยงภาษี หาช่องทางเอาประโยชน์เข้าตัวเอง ซุกหุ้นจนลืมว่าตัวเองซุกไว้ที่ใดบ้าง พอโกหกหลายครั้งเข้าก็พลาด ถ้าตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก ยอมเสียภาษีอย่างถูกต้องก็อยู่ได้แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นกรรมสนองกรรม กรรมใดใครก่อก็ได้รับผลกรรมนั้น คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวอีกว่า
นักวิชาการผู้นี้ ยังกล่าวอีกว่า การที่คนไทยแตกความสามัคคีนี้ มีลักษณะคล้ายเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่ประชาชนฆ่านักศึกษาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ถือเป็นสงครามประชาชนที่เกิดขึ้นแล้วมีแต่ความเสียหาย ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่า การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยืดเยื้อ และยาวนาน
เป็นเรื่องแปลกมากที่คน ๆ เดียวจะทำให้สังคมแตกแยกกันได้ขนาดนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีนายกฯ คนใดทำได้ขนาดนี้ ไม่เคยมีนายกฯ คนใดที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็มีคนมาไล่แบบนายกฯ ทักษิณ แม้นายกฯ คนอื่นจะมีคนเกลียดมากแค่ไหนก็เป็นการวิจารณ์ไม่เปิดเผย แต่กับนายกฯคนนี้คนไทยคงเหลืออดจริงๆ ผมก็งงว่าคุณทักษิณทนอยู่ได้อย่างไร เพราะแม้แต่ไปกินก๋วยเตี๋ยวก็ไม่มีความสุข นักวิชาการผู้นี้ กล่าว
นอกจากนี้ นายวิทยากร ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ นายธีรยุทธ บุญมี เสนอให้พักยกแล้วชกหนัก ว่า การประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าอาจทำได้ยาก โดยเชื่อว่า แกนนำพันธมิตรฯ ที่ใกล้ชิดการเคลื่อนไหวมากกว่าจะมองเห็นปัญหามากกว่า เพราะบางทีการเคลื่อนไหวมีคนฟังและสนับสนุนมากก็ติดพันจะให้เลิกไปชั่วคราวก็อาจทำได้ยาก แต่ควรเปลี่ยนยุทธวิธีด้วยการกระจายข้อมูล โดยการเปิดเวทีในต่างจังหวัดเหมือนช่วงที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำเคยจัดและมีการเปิดข้อมูลใหม่ออกมา ขณะนี้ตนมองว่าภาคเวทีจะเน้นการไฮด์ปาร์ก โดยไม่มีข้อมูลใหม่ ที่เน้นไปที่การปลุกเร้า ส่วนหนึ่งอาจจะมีคนชื่นชอบ แต่ถ้าปล่อยให้ฟังข้อมูลเดิม ๆ อาจจะมีมวลชนมาร่วมน้อยลง
การเคลื่อนไหวของประชาชนอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ การส่งเรื่องฟ้องร้องการกระทำผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ควรค่อย ๆ ผลักดันเป็นเรื่องๆ ซึ่งสามารถฟ้องร้องได้หลายประเด็น เช่น กรณีขายหุ้นที่อยู่ในเงื่อนไขของการทำธุรกิจสัมปทานจากรัฐถือเป็นการผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ต่างด้าว เป็นต้น ดังนั้น นักวิชาการที่เกี่ยวข้องหรือกลุ่มคนที่มองเห็นปัญหาควรรีบพิสูจน์และส่งเรื่องฟ้องร้อง โดยอาจฟ้องผ่านช่องทางศาลปกครอง นายวิทยากรเสนอ
ทั้งนี้ นายวิทยากร ยังกล่าวอีกว่า มองว่า การต่อสู้ของประชาชนจะยืดเยื้อยาวนาน ไปถึงช่วงหลังเลือกตั้ง ซึ่งตนมองว่าหลังเลือกตั้งก็จะมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีก โดยรัฐสภาจะไม่สามารถเปิดประชุมได้ เพราะมีสภาไม่ครบ 500 คน ซึ่งจะทำให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความให้สามารถเปิดสภาได้ หากศาลรัฐธรรมนูญยังคงตะแบงพิจารณาให้เปิดประชุมได้ ก็จะนำปัญหาใหญ่กลับมาสู่สังคมอีก จะทำให้คนยิ่งโกรธและประท้วง กกต.มากขึ้น ตอนนั้นทักษิณจะลาออกก็ไม่สง่างามแล้ว
นักวิชาการผู้นี้ ยังวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจะจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ว่า ฟังดูเป็นเรื่องตลก เพราะเป็นการพยายามหาทางออกที่เหมือนคนถูกรุกแล้วพยายามต่อรองเพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ เป็นการพยายามประนีประนอมไม่จริงใจ
ขณะที่ นางสาวกชวรรณ กล่าวว่า การเมืองในอุดมคติจะต้องนำหลักแห่งความเสมอภาคมาใช้อย่างทั่วถึง โดยควรเป็นไปเพื่อเคารพสิทธิความเป็นมนุษย์ เคารพการมีศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่การนำอำนาจนิยม อย่างเช่น การปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดอย่างที่รัฐบาลทักษิณทำ แต่ควรคิดว่าไม่มีผู้ใดสมควรตาย แม้เขาจะทำผิดก็ตาม เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะมีลมหายใจเท่าที่เขาอยากมี และในหลายประเทศได้ยกเลิกกฎหมายการประหารชีวิตไปแล้ว
นอกจากนี้เลขา สนนท.ยังกล่าวอีกว่า วิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญ ที่ถือเป็นผลดีที่เกิดขึ้นจากผลการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทำให้ปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานานปรากฏชัดขึ้น ทำให้สังคมที่ไม่มีทางประนีประนอมนำไปสู่จุดเปลี่ยนทางการเมือง โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงนี้นักกฎหมายที่มองเห็นปัญหาควรหาทางแก้ไขกฎหมายในเชิงระบบที่ปัจจุบันนี้มีการตีความกฎหมายด้วยการตีความแบบดูตามประมวลกฎหมาย และละเลยการตีความตามเจตนาของกฎหมาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าประเทศไทยแปลกฎหมาย หรือลอกกฎหมายจากต่างประเทศมาทั้งฉบับ โดยไม่ได้มองความเป็นจริงของสังคมไทย