แนะรัฐขอกำลังทหารเสริมตั้งด่านตรวจพื้นที่รอบชุมนุม หลังมือมืดปาบึ้มใส่ม็อบ จับตา ศอ.รส.ใช้ทีวีพูลเป็นเครื่องมือทางการเมือง ส่อขัด ก.ม.เลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ว่า
คนที่ก่อเหตุไม่แสดงความเกรงกลัวอะไรเลย มีพฤติกรรมอุกฉกรรจ์มากขึ้น และก่อเหตุในเวลากลางวัน อยากให้เจ้าหน้าที่หามาตรการที่ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้น ที่ผ่านมา ศอ.รส.ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองในการรักษาความมั่นคงและความสงบ แต่พยายามใช้เวทีนี้เป็นเวทีการเมือง ข้อมูลที่นำมาอ้างกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นก็ใช้ไม่ได้ ดูแล้วไม่มีมาตรฐาน เป็นการลดความน่าเชื่อถือของตัวเองส่งผลให้บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา อย่าให้ฝ่ายการเมืองใช้เป็นเครื่องมือ ใครที่มีศักยภาพ มีความสามารถในการดูแลผู้ชุมนุมและคุ้มครองประชาชน ก็ขอให้มาทำ
ทั้งนี้หาก ศอ.รส.ใช้สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ(ทีวีพูล)มาเป็นเครื่องมือในการแถลงข่าว
โดยที่มีเจตนาไม่ดี ต่อไปก็จะทำให้เกิดปัญหา เพราะเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้ง ถ้าทำผิดก็ถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยทางพรรคกำลังตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของทางแกนนำ กปปส.ก็พยายามที่จะให้มวลชนไม่หมดความอดทน และหันไปใช้ความรุนแรง ไม่เช่นนั้นจะหมดความชอบธรรม
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทหารควรเข้ามาช่วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทหารก็เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปช่วยดูแลความปลอดภัย
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีความตั้งใจ
หากเข้ามาช่วยได้ก็เป็นเรื่องที่ดี เหมือนกรณีเหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน เพราะต้องการเตือนสติ เนื่องจากเห็นว่าหากไม่มีข้อมูลอาจทำให้เกิดการปลุกเร้าความรู้สึกของมวลชนมากขึ้น ส่วนที่มองว่า ทหารจะขยับลำบากหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายอาจมองว่าจะทำการปฏิวัติ นั้น ส่วนตัวเห็นว่า ไม่มีใครเรียกร้องปฏิวัติรัฐประหาร แต่อยากให้เข้ามาดูแลความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรก็ตามหาก ศอ.รส.ประเมินแล้วว่าการตั้งด่านตรวจโดยรอบพื้นที่ชุมนุมยังไม่เพียงพอก็สามารถขอกำลังเสริมจากทหารได้
เมื่อถามอีกว่าอาจมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีเหตุที่คนจำนวนหนึ่งมาใช้วิธีการข่มขู่คุกคามผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง ซึ่งมาตรการกฎหมายคือการไปจับกุมผู้กระทำผิด เพราะความรุนแรงไม่ใช่เกิดจากผู้ชุมนุม ส่วนที่รัฐบาลจะเดินหน้าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.นั้น ถือว่ารัฐบาลไม่ได้คิดถึงเรื่องส่วนรวม คิดแต่ห่วงสถานภาพของตนเอง ทั้งนี้ตนเป็นห่วงในช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันที่ 2 ก.พ.เพราะมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เตือนแล้วว่าจะบริหารงานยากขึ้น.