โอ๊คเชื่อเหตุบึ้มรายวัน ทำเลือกตั้ง 2 ก.พ.เลือนราง

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพตส์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ยิ่งมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่ ความหวังที่จะให้มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ยิ่งเลือนรางขึ้นทุกทีครับ บุคคลใดต้องการชัยชนะ ที่ได้มาจากการบาดเจ็บล้มตายของพี่น้องประชาชน ถือเป็นสิ่งที่น่าละอายยิ่งอยู่แล้ว หากมีการสร้างสถานการณ์ โดยพวกเดียวกันเอง เอาชีวิตและเลือดเนื้อของคนที่เสียสละ ออกมาช่วยสนับสนุนความคิดของตนเอง เข้าแลกกับผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับ ยิ่งอดสูน่าละอาย และสมควรถูกประนามยิ่งนัก

ในประเทศไทยของเรานี้ คงจะมีน้อยคนที่จะกล้าพูดหรือกล้าเขียนว่า
 
เหตุระเบิดรายวันที่ทำร้ายและทำลายชีวิตผู้คนอยู่ทุกวันนี้เป็นความอำมหิตของผู้ที่รอรับผลประโยชน์จากการสร้างสถานการณ์ ให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาในบ้านเมือง เพียงเพื่อให้ความชอบธรรมในการฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มการเลือกตั้ง ล้มประชาธิปไตย และการนำพาประเทศไปสู่เผด็จการ สมดังเจตนารมณ์ของม็อบประชาธิปัตย์ ที่นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ ทุกประการ

แต่ก็คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้ว่าการก่อความรุนแรง ที่ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย รายวันแบบนี้ เป็นการสร้างความชอบธรรม ที่จะทำให้มีการปฏิวัติรัฐประหารมากขึ้น

ส่งผลให้ม็อบประชาธิปัตย์ ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ใกล้จะถึงจุดที่จะประกาศชัยชนะ เข้าไปทุกที ขอทบทวนเหตุผลของการปฏิวัติ จากแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ของคณะรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.49 ขึ้นต้นให้ชวนเคลิบเคลิ้มว่า "ด้วยเป็นที่ปรากฏแน่ชัดว่า การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น...."

ซึ่งต้องขอบอกว่า สถานการณ์และเงื่อนไข ที่ถูกสร้างขึ้นในปัจจุบัน ใกล้เคียงกับเหตุผลดังกล่าวและสอดคล้องกับสิ่งที่ม็อบสุเทพฯ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้เกิดขึ้น เข้าไปทุกที ๆ เช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 กันยา 49 ได้ประจักษ์ถึงความเลวร้ายต่าง ๆ
 
ที่เกิดจากการรัฐประหาร ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติอย่างรุนแรง และได้ไถ่บาปที่ได้กระทำต่อประเทศชาติ ด้วยการหันหลังให้กับระบอบเผด็จการ กลับมาอยู่ข้างประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ผู้นำทั้งหลาย ควรจะจดจำเป็นบทเรียน และไม่ควรจะให้เกิดขึ้น

ที่ผ่านมาเราปล่อยให้สิ่งที่เลวร้ายนี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกกับบ้านเมืองของเรา ซึ่งต้นเหตุมันสอดคล้องกับคำถาม ซึ่งนักข่าวถามพล.อ.สนธิว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในครั้งนั้น และคำตอบของหัวหน้าคณะรัฐประหาร ก็คือ "คำถามบางอย่าง ตายไปก็ตอบไม่ได้"

หลายปีผ่านมา พี่น้องประชาชนไทยเรา ต้องต่อสู้กับ ม็อบเส้นใหญ่ ด้วยเส้นเล็ก ๆ 2 เส้น

เขียนเป็นกากบาท ในบัตรเลือกตั้ง จะเผด็จการฯอีกสักกี่ครั้ง ในที่สุดเราก็จะชนะด้วยเส้นเล็ก ๆ 2 เส้นนี้เสมอ ทางเลือกของพี่น้องไทยเหลืออยู่เพียง 2 ทางเท่านั้นคือ "โปรดไปเลือกตั้ง" หรือ "โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง"