'มาร์ค-ชวน' นำทีมปชป.เดินสายเวทีกปปส. เชื่อเหตุกราดยิงร้านกาแฟที่ทำการพรรคเป็นการข่มขู่ทางการเมือง จี้ 'รัฐบาล' เร่งแก้ปัญหา ซัด 'นายกฯ' โกหกไม่มีอำนาจเลื่อนลต.
13 ม.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลา 08.50 น.
โดยได้เดินไปตรวจสอบสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นบริเวณร้านกาแฟ A Big Sest ที่ตั้งอยู่บริเวณ หน้าลานพระแม่ธรณี ตึกมูลนิธิควง อภัยวงศ์ ซึ่งถูกกราดยิงในช่วง 02.15 น.ของวันที่ 13 ม.ค.57 โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของพรรคทุกจุดว่า สามารถเก็บภาพคนร้ายได้หรือไม่ พร้อมทั้งจะมีการประสานไปยัง กทม.เพื่อขอดูภาพวงจรปิดในจุดที่เกิดเหตุเพิ่มเติมด้วย
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้หารือร่วมกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ราวครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางไปยังเวที กปปส.ตามจุดต่างๆ
โดยขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีอารีย์ สำหรับแกนนำที่ร่วมเดินทางไปกับนายอภิสิทธิ์ ประกอบด้วย นายชวน , นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ , คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรค , นายสุทัศน์ เงินหมื่น , นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ , นายนิพนธ์ วิศิษฐ์ยุทธศาสตร์ อดีตส.ส. นอกจากนี้ ร.ท.สุธรรม ระหงส์ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงพรรคด้วย
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องคลี่คลายหาความจริงให้ได้โดยเร็ว
เพราะบุคคลของพรรคหลายคนถูกข่มขู่และกระทำเช่นนี้ ตั้งแต่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค และอีกหลายๆคน ดังนั้นจึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นการข่มขู่ทางการเมือง เพราะเป็นแนวที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคจัดฉากขึ้นนั้นไม่เป็นความจริง เพราะพรรคไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการดำเนินการดังกล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเรียกร้องรัฐบาลให้แก้ไขปัญหา
เพราะหลายฝ่ายพยายามแก้ไข แต่รัฐบาลกลับปิดกั้นไม่ให้มีการแก้ปัญหา เช่น เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรี ก็ไม่รับฟังแต่กลับใช้วิธีการข่มขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมาย ไม่มีการพิจารณาข้อเรียกร้องอย่างจริงจัง คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรให้ทุกคนต้องเดินตามรัฐบาลเท่านั้น
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี กำลังเป็นอุปสรรคในการหาทางออกให้ประเทศ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ทราบทุกอย่าง โดยจะเห็นได้ว่าไปบอกกับสหประชาชาติว่า ไม่มีอำนาจในการเลื่อนการเลือกตั้ง และเป็นเรื่องของ กกต. แต่ความจริง กกต.เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้ง แต่นายกฯปล่อยให้พรรคพวกข่มขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมาย เป็นหนึ่งในเรื่องที่น.ส.ยิ่งลักษณ์โกหกระดับโลก โกหกกับสหประชาชาติ ทั้งๆ ที่การเลื่อนการเลือกตั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เคยลงนามเลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วในปี 2549 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ โดยประธาน กกต.ขณะนั้นเป็นผู้เสนอให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีลงนาม ดังนั้นเมื่อพี่ชายก็เคยทำมาแล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่ทั้งหมดผมเห็นด้วยว่าถ้าจะเลื่อนคงไม่ใช่แค่กำหนดวันเลือกตั้งเท่านั้น แต่ต้องตกลงในสังคมว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนหรือกำหนดการเลือกตั้งใหม่ เงื่อนไขที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่เรียบร้อยให้ประเทศเดินหน้าเป็นอย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องมาร่วมกับฝ่ายต่างๆ หารือเพื่อหาทางออก ไม่ใช่ปฏิเสธทุกทางออกเพราะต้องการอยู่ในอำนาจ
ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า หากเกิดความรุนแรงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส.ต้องรับผิดชอบนั้น ตนเห็นว่าต้องดูว่าความรุนแรงเกิดขึ้นจากอะไร เพราะเห็นอยู่แล้วว่าแนวทาง กปปส.ประกาศชัดเจนไม่ใช้ความรุนแรง แต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ บริเวณพื้นที่ชุมนุมหลายคืนต่อเนื่องกัน ไม่ได้เกิดจากผู้ชุมนุม ทำไมรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ นอกจากนี้เวลาที่ กปปส.เคลื่อนไหวก็ยังมีกลุ่มเสื้อแดงตามไปปะทะด้วย จึงเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าความรุนแรงอยู่ตรงไหน ดังนั้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
“ผมเป็นห่วง และเชื่อว่าทุกคนเป็นห่วง รัฐบาลมีหน้าที่เร่งหาทางออก ถ้าไม่ยอมอะไรเลยสักอย่าง ยืนขวางอย่างเดียวก็เดินไม่ได้ ในส่วนของพรรคติดตามสถานการณ์ผมทำงานเรื่องปฏิรูป พร้อมที่จะสนับสนุนผู้ที่หาทางออกให้บ้านเมือง หลายเรื่องทุกคนเห็นตรงกันคือไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาความรุนแรง อยากให้มีการปฏิรูปโดยยึดตามกติการัฐธรรมนูญ เป็นกรอบที่เดินได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสุดชาย บุญไชย แกนนำกลุ่มเพื่อนทักษิณโพสต์เฟซบุ๊ก
ข่มขู่ว่าจะจับตัวลูกสาวฝาแฝดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.นั้น นายอภิสิทธิ์ ตั้งคำถามว่าพฤติกรรมอย่างนี้นายกฯคิดว่าความรุนแรงมาจากฝ่ายไหน และรัฐบาลทำอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรบ้างที่จะไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่ ศอ.รส.มีคำสั่งเรียก นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปสอบสวน หลังจากประกาศจุดยืนให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181(1) ที่ห้ามไม่ให้มีการโยกย้ายข้าราชการหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่ามีการอ้างข้อกฎหมายอะไร และไม่ทราบว่าใช้คำสั่งแบบไหน อย่างไร แต่รัฐบาลต้องคิดว่าเมื่อมีกระทรวงสาธารณสุขแสดงออกอย่างนี้สะท้อนว่าจะเดินไปแบบไม่รู้ไม่ชี้ต่อความรู้สึกของสังคมไม่ได้