กปปส.ปิดจราจรอนุสาวรีย์ชัยฯแล้ว ศอ.รส.สั่งห้ามเข้าออก8พื้นที่ ไม่อนุญาตให้กองร้อยควบคุมฝูงชนพกพาอาวุธปืนโดยเด็ดขาด มีความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด
12ม.ค.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.43 น. ได้มีรถกระบะประมาณ 30 คัน ได้มาจอดเรียงแถวอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในช่องจราจรที่มุ่งหน้าเข้า สู่ถนนพหลโยธิน โดยมีรถบรรทุกอยู่ในขบวนด้วย 2 คัน ขณะที่รถกระบะมีการบรรทุกเครื่องเสียงเตรียมพร้อมที่จะติดตั้ง ซึ่งคาดว่า ขบวนรถดังกล่าวจะเป็นขบวนรถของ กปปส.เตรียมที่จะติดตั้งเวทีชุมนุมใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ โดย ขณะนี้ ขบวนรถดังกล่าวยังคงจอดนิ่งอยู่ช่องจราจรป้ายจราจร
ม็อบจู่โจมปิด 7 จุด-ตั้งเต็นท์-เวที
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เคลื่อนขบวนไปตั้งเวทีทั้ง 7 จุด โดยให้เหตุผลว่าเพื่อตั้งเวที และเตรียมพร้อมการปฏิบัติการขณะที่เวทีราชดำเนินจะถูกใช้เป็นคืนสุดท้าย ก่อนจะมีการอำลาเวทีในเช้าวันที่ 13 มกราคมนี้ โดยที่ถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 14 มวลชนได้นำยางรถยนต์และกระสอบทรายมากั้นถนนเป็นแนวเครื่องกีดขวางไว้ด้วย
คปท.ไม่เคลื่อน-ไม่ยุบเวที
นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) กล่าวว่า คปท.จะไม่มีการยุบเวทีชมัยมรุเชฐ หรือเคลื่อนขบวนไปไหน แต่จะปักหลักชุมนุมอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากมีภารกิจเฝ้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ และจัดเตรียมพื้นที่ชุมนุมเป็นที่พักค้างของมวลชนจากภาคใต้ทั้งหมดที่ขึ้นมา ร่วมชุมนุมปิดกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามแม้ คปท.จะไม่เคลื่อนขบวน แต่ก็ไม่ตั้งรับอย่างเดียว พร้อมเคลื่อนมวลชนไปทุกที่สนับสนุนทั้ง 7 เวทีที่มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำร้ายประชาชน
ศอ.รส.สั่งห้ามเข้าออก8พื้นที่
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รอง โฆษก ศอ.รส. พร้อม พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ศอ.รส. และพันตำรวจโท กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกศอ.รส ได้ร่วมกันแถลงกรณี ศอ.รส. มีวิทยุสั่งการแนวทางปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของ หน่วยปฏิบัติ ดังนี้
1.ไม่อนุญาตให้กองร้อยควบคุมฝูงชน พกพาอาวุธปืนโดยเด็ดขาด 2. ให้หน่วยจัดอุปกรณ์สนับสนุน คุ้มครองความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกองร้อยควบคุมฝูงชน เช่น เสื้อเกราะกันกระสุน ให้เพียงพอตามภารกิจ 3. การใช้กำลังให้เป็นไปตามขั้นตอน ตามหลักสากล ตามความจำเป็น เหมาะสม โปร่งใส 4. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน ให้ใช้ความอดทด อดกลั้น อย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดเหตุการณ์บานปลายตามมา ให้คำนึงว่าพี่น้องประชาชนทุกคนคือคนไทย 5. การคุ้มครองป้องกันกำลังพลให้มีการจัดชุดป้องกัน และเผชิญเหตุ กองร้อยละ 8 นาย โดยออกคำสั่งมอบหมายภารกิจให้ชัดเจน และให้มีการฝึกซ้อมการปฏิบัติเพื่อให้เกิดทักษะและความชำนาญ
สำหรับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการควบคุมฝูงชน ในการรักษาความปลอดภัยที่ตั้งหน่วยและสถานที่สำคัญ รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจ และสายตรวจเคลื่อนที่ ให้ดำเนินการได้ตามความจำเป็นของสถานการณ์และในกรอบของกฎหมาย รวมทั้งกรณีการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อาญา มาตรา 68
ทั้งนี้ ศอ.รส. อาจพิจารณาจัดกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือชุดระวังป้องกันและตอบโต้ สถานการณ์เข้าสนับสนุนการปฏิบัติ เพื่อคุ้มครองระวังป้องกันให้กับกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนตามความจำเป็นของ สถานการณ์ด้วย
พร้อมกันนี้ ศอ.รส. ได้ทำหนังสือเชิญถึงประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล (รองศาสตราจารย์ ดร.โคมทม อารียา) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อส่งผู้แทนผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์อำนวยการ รักษาความสงบเรียบร้อยในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามสถานที่ที่มีการชุมนุม ด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
รวมทั้ง ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ออกประกาศเพิ่มเติม 2 ฉบับ ได้แก่ 1) ประกาศศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยาพาหนะ (เพิ่มเติม) ซึ่งสรุปสาระสำคัญคือ ห้ามยานพาหนะใด ๆ บรรทุกเครื่องมืองอุปกรณ์ที่นำมาใช้หรือสนับสนุนเพื่อขัดขวางการปฏิบัติ หน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการรักษาความความสงบเรียบร้อย เช่น ทราย ปูนซีเมนต์ กระสอบ ไม้ไผ่ ยางรถยนต์ หรือเครื่องขยายเสียงที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 1 กิโลวัตต์ขึ้นไป ยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ เป็นต้น
2) ประกาศศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 2/ 2557 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปราบปราม ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ในพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิด ประสิทธิภาพ โดยได้กำหนดดังนี้ ข้อ 1. ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจก่อนให้เกิดความไม่สงบหรือ กระทำการยั่วยุ ปั่นป่วนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ ดังต่อไปนี้ (1) แยกศาลาแดง (2) แยกปทุมวัน (3) แยกราชประสงค์ (4) แยกอโศก (5) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนบริเวณโดยรอบ (6) แยกลาดพร้าว และ (7) ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกคอกวัว ต่อเนื่องถนนราชดำเนินนอกถึงแยก จปร. ทั้งนี้ให้รวมถึงพื้นที่บริเวณถนน ทางเท้า คูคลอง และพื้นที่สาธารณะ ต่อเนื่องไปอีกในรัศมี 50 เมตร
ข้อ 2. ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเข้า หรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ ดังต่อไปนี้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ (1) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (2) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ (แจ้งวัฒนะ) (3) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (แจ้งวัฒนะ) (4) สถานีดาวเทียมไทยคม จังหวัดนนทบุรี (5) สถานีให้บริการภาคพื้นดินไทยคม ลาดหลุมแก้ว (6) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ส่วนบริการอินเทอร์เน็ต ฝ่ายสื่อสารข้อมูล (บางรัก) (7) วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (8) สโมสรตำรวจ ทั้งนี้ให้รวมถึงพื้นที่บริเวณถนน ทางเท้า คูคลอง และพื้นที่สาธารณะ ต่อเนื่องไปอีกในรัศมี 50 เมตร
ข้อ 3 ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือใช้ยานพาหนะในเส้นทางตามข้อ 1 เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ข้อ 4 ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรหรือเทียบ เท่าเป็นผู้ดำเนินการตามประกาศนี้
ข้อ 5 ประกาศกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป