นายจตุพร ถามไปยังนายสุเทพด้วยว่าในวันที่ 8 ม.ค. 57
นายสุเทพ ในฐานะผู้ที่จะนำการปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศจะยอมไปพบอัยการเพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลในคดีที่ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีที่มีคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อปี 2553 หรือไม่ ทั้งนี้ตนมั่นใจว่านายสุเทพจะไม่ไป
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.กล่าวถึงรูปแบบการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ในวันที่ 13 ม.ค. ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดประเทศ
โดยมีสโลแกน ว่า เปิดตัวเจ้าของอำนาจอธิปไตย เปิดประตู สู่การเลือกตั้ง ทั้งนี้จะมีการเคลื่อนไหวทุกจังหวัด ยกเว้น พื้นที่กทม. และจังหวัดปริมณฑล เช่น ปทุมธานี , นนทบุรี รวมถึงจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ที่ไม่มีความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้า เบื้องต้นจะนัดหมายทำกิจกรรมพร้อมกันในเวลา 09.00 น. ในสถานที่ที่สำคัญของจังหวัดต่างๆ โดยเป็นการรณรงค์ ต้านรัฐประหาร เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 บนถนนสายหลักของแต่ละจังหวัด
ส่วนรูปแบบขบวนนั้นจะจัดให้มีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านของแต่ละท้องถิ่น
เช่น จังหวัดเลย จะมีขบวนผีตาโขน เป็นต้น ทั้งนี้จะเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนของจังหวัด นักการเมือง ศิลปินมาร่วมเดินขบวนด้วย นอกจากนั้นแล้วขอความร่วมมือให้ผู้ที่มาร่วมไม่ต้องใส่เสื้อสีแดง เพื่อทำให้เห็นว่าการเดินขบวนดังกล่าวเป็นของคนไทยที่รักประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามเมื่อเดินขบวนรณรงค์แล้วเสร็จขอให้ประชาชนกลับบ้าน เพื่อติดตามข่าวในกทม. และหากพบว่ากลุ่มของนายสุเทพเหิมเกริมจะมีการยกระดับการต่อสู้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. โดยไม่มีการประกาศยุติจากแกนนำเหมือน ปี 2553 สำหรับบรรยากาศการเดินรณรงค์ดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ของคนเสื้อแดงด้วย
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าสำหรับในช่วงเย็นวันดังกล่าว จะมีการจัดเวทีปราศรัย 3 ภูมิภาค คือ
ภาคเหนือ , ภาคอีสาน และภาคกลาง โดยจะมีนักวิชาการ , ตัวแทนองค์กรกลุ่มอาชีพ , บุคคลที่มีชื่อเสียงในสาขาต่างๆ , นักต่อสู้ประชาธิปไตย และนักการเมืองที่เห็นด้วยและเข้าร่วม โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ให้ติดตามเช่นกัน ทั้งนี้ในการชุมนุมจะยึดความปลอดภัยและสันติภาพ และจะไม่ยกขบวนเข้าสู่กทม. หรือจังหวัดปริมณฑลเด็ดขาด
"เราต้านรัฐประหาร โดยกำลังและโดยกำนัน ถ้าจะมีการรัฐประหารเราพร้อมประกาศการต่อสู้และต่อต้านทันที พร้อมเคลื่อนไหวต่างจังหวัดและต่อต้านรัฐประหารในกทม. หากเกิดขึ้นจริงวินาทีแรกที่มีการรัฐประหาร จะพบกับยุทธการณ์ดอกไม้บานกลางกรุง คนกทม. จะออกมาต่อต้านทันทีและคนในต่างจังหวัดจะแสดงการต่อสู้ทันที โดยไม่มีการประกาศยุติการต่อสู้ เหมือนรอบที่ผ่านมา เพราะการต่อสู้รอบนี้เป็นของประชาชน"
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าในระหว่างที่จะถึงวันที่ 13 ม.ค. นั้น จะมีการทำหนังสือชี้แจงถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมของ นปช. ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.)
และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของทั่วโลก ผ่านทางสถานทูตของประเทศต่างๆ รวมถึงทำหนังสือชี้แจงถึงเอกอัครราชทูตทุกประเทศด้วยเช่นกัน ทั้งนี้จะยกเว้น กสม. และกกต. ของประเทศไทย เนื่องจากมองว่าไม่ใช่ที่พี่ง นอกจากนั้นแล้วตนยินดีที่จะพบสื่อมวลชนของต่างประเทศ และขึ้นเวทีดีเบตกับแกนนำ กปปส. หรือนักวิชาการของกปปส. ต่อกรณีดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามกิจกรรมที่นปช. เตรียมดำเนินการนั้นได้รับการยอมรับจากคณะบุคคลและองค์กรที่หลากหลายและมีการแสดงเจตนาร่วมกันจะทำกิจกรรมวันที่ 13 ม.ค.นี้
"ผมขอเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เร่งพิจารณาคำร้องที่มีผู้ยื่นให้พิจารณาว่าการกระทำของ กปปส. ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และเข้าข่ายล้มการปกครองหรือไม่ เพื่อรับรองความถูกต้องการเคลื่อนไหววันที่ 13 ม.ค."
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนปช. ต้องชอบธรรมทางการเมือง
ได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงการสูญเสียของประชาชน ทั้งนี้การเดินขบวนรอบนี้จะเปลี่ยนการเผชิญหน้าจากเดิมที่ยึดสีเสื้อ ไปเป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนกลุ่มนี้ที่มี กปปส. เป็นผู้นำ และคนส่วนใหญ่ของประเทศและคนเสื้อแดง ส่วนเกมนี้จะยืดเยื้อหรือรุนแรง ขึ้นอยู่กับพวกที่ดื้อไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชน