ถาวรฟ้องธาริตอายัดทรัพย์มิชอบ

3 ม.ค. 57  เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  นายถาวร เสนเนียม อายุ 66 ปี แกนนำ กปปส. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ , กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 200 ประกอบ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 10 (3) และวรรคสอง , มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) , มาตรา 24 (3) (5)

                         
ตามคำฟ้อง ระบุว่า ระหว่างวันที่ 17 - 31 ธ.ค. 56 ต่อเนื่องกัน นายธาริต จำเลย ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ ยธ 0800/3924 ลงวันที่ 19 ธ.ค. 56

กล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดฐาน ร่วมกันเป็นกบฏ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชน หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , มั่งสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งหากจำเลยได้พิจารณาถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการชุมนุมของโจทก์กับพวกไว้ถึง 9 กรณีที่เห็นว่า การชุมนุมของโจทก์กับพวกเป็นสิทธิ อันพึงกระทำของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และมีมูลเหตุตามสมควรที่บัญญัติไว้ จำเลยก็จะไม่พิจารณาตั้งข้อกล่าวหาทางอาญาต่อโจทก์ แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่รับฟังพยานหลักฐานซึ่งเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับรีบร้อนตั้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียกโจทก์ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 56

                         
นอกจากนี้เมื่อระหว่างวันที่ 17 - 19 ธ.ค. 56 ต่อเนื่องกัน จำเลยยังได้ออกคำสั่งให้ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ระงับและอายัดบัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ รวมทั้งกระแสรายวันของโจทก์ ตามหนังสือกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 3ยธ. 0800/3949 ลงวันที่ 19 ธ.ค. 56

                         
การกระทำทั้งหลายของจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานและพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา เป็นข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม
 
ทั้งยังเคยเป็นพนักงานอัยการมีความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย แต่กลับเจตนากระทำการโดยมิชอบ ขัดต่อขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ ระงับ/อายัดบัญชีธนาคารของโจทก์ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม จึงขอให้ศาลได้โปรดใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยตามกฎหมายด้วย

                         
ทั้งนี้ศาลรับคำฟ้องเป็นคดีหมายเลข ดำ อ.3 / 2557 ไว้ พิจารณา และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกวันที่ 17 มี.ค. นี้ เวลา 13.30 น.

                         
ภายหลังนายถาวร กล่าวว่า นายธาริต ได้กระทำการมิชอบและข้ามขั้นตอน ของ พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ ฯ โดยอายัดทรัพย์สินของตนที่ได้มาโดยสุจริต ซึ่งตนได้รับความเสียหาย มีเช็คที่เบิกไม่ได้ประมาณ 2 แสนกว่าบาท และบัญชีของครัวราชดำเนินกว่า 7 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะมีผู้ที่โดนอายัดบัญชีเช่นเดียวกับตน ทยอยมาฟ้องนายธาริตต่อศาลอาญาอีก อย่างไรก็ตามสำหรับทรัพย์สินที่โดนอายัดทั้งของตนและบุคคลอื่นนั้น เบื้องต้นทราบมาว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการอายัดทรัพย์ต่อไป

                         
นายถาวร กล่าวด้วยว่า ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
 
ตนจะขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก ประกอบพยานหลักฐานเอกสาร คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า การชุมนุมของ กปปส. นั้นชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 6 คำวินิจฉัย พร้อมทั้งสมุดบัญชีและเอกสารที่โดนอายัด

                         
นายถาวร ยังกล่าวถึง การชุมนุมของ กปปส. ในวันที่ 13 ม.ค.ด้วยว่า รู้สึกเป็นเป็นห่วง เพราะทาง นปช.เองก็จะมีการนัดชุมนุมต่อต้านการปิดกรุงเทพฯ ซึ่งเกรงว่าจะเกิดมีการปะทะกันเกิดขึ้น

                         
"อย่างวันที่ 19 ก.ย. 49 ในตอนนั้น พันธมิตรฯ ก็นัดชุมนุม ขณะที่อีกฝ่ายนึ่งก็นัดชุมนุมต่อต้านขึ้นมา ทหารเกรงจะมีการปะทะกันก็ออกมาปฏิวัติ ตนเป็นห่วงในเรื่องนี้เพราะการปฏิวัตินั้นไม่ดี"