ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) มีจำนวนคนที่ออกมากถึงจำนวน 5.8 ล้านคน ซึ่งเป็นความจริงที่ตนภาคภูมิใจมาก เพราะมีคนปรามาสว่าคงไม่มีคนออกมาเท่ากับเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว แต่เมื่อวานนี้ก็ทำให้เห็นว่าพี่น้องไม่มีวันถอยอีกแล้ว โดยทำให้ตนเชื่อว่าครั้งหน้าจะมากกว่าเมื่อวานนี้อีก ตนจะรอสัญญานจากพี่น้องอีกครั้งว่า พร้อมเมื่อไรก็จะนัดพี่น้องเมื่อนั้น ทั้งนี้ ต้องขอโทษ ชาว กทม.ด้วย ที่พูดจาภาษากำนัน มี “กู” เยอะไปหน่อย เพราะโกดแทนพี่น้องทั้งหลาย ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ เหิมเกริมมาสอนประชาชนให้เคารพรัฐธรรมนูญ จึงทำให้ตนโกดมากไป เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติมาสอนประชาชน เพราะตัวเองทำชั่วในทางการเมืองมากก่อน เพราะประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีสิทธิสอนใครได้
แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะฟังไม่รู้เรื่องหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก็ตาม
แต่เราต้องยืนยันในเจตนารมย์ของเราว่าต้องปฏิรูปประเทศไทยให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงเปิดให้มีการเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าใครจะอ้างว่าผิดหรือถูกกฏหมายก็ตาม เราไม่สนใจเพราะเราคือประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งเขียนไว้ในมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ เราจึงมีสิทธิมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการใดๆที่ทำให้ประชาธิปไตยนั่นสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งไม่อยากโต้เถียงกับใครอีกแล้ว เพราะนี่เป็นแนวทางที่ดีที่สุด
อยากให้พี่น้องระลึกไว้เสมอว่า เราเป็นพลเมืองดี หลักของเราคือจะสู้อย่างสันติไม่รุนแรง เพราะนี่จะทำให้เราชนะอย่างขาวสะอาด และทั่วโลกจะยอมรับการต่อสู้ของพวกเรา ดังนั้นต้องอดทน เพราะสิ่งที่ตนเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องอารมร์ที่มีต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นความผิดของตนเอง ที่ขึ้นมาบนเวทีแล้วก็ซัดสื่อฯอยู่บ่อยๆ เพราะสื่อหลายรายไม่ยอมนำเสนออย่างเป็นกลาง ตนจึงเล่นงานสื่อฯ แต่ตนเล่นงานเฉพาะปาก เรียกร้องให้ทำตัวเป็นกลาง แต่กลับเป็นการกระตุ้นอารมณ์พี่น้อง จึงกลายเป็นปัญหา ก็ต้องขออภัย ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่ประจำและติดตามพวกเราเวลาเคลื่อนไปไหนมาไหน พี่น้องต้องแยกแยะ สื่อที่ประจำอยู่ที่นี่คิดอ่านเหมือนเรา แต่เวลารายงานข่าวเข้าไปที่สำนักงาน แต่ข้างในก็นำไปบิด หากพี่น้องมีอารมณ์และความรู้สึกต้องโทรศัพท์หรือเขียนจดหมายไป ฉะนั้นตั้งแต่นี้ต่อไปว่า ตนขอร้องพี่น้องโดยเฉพาะการ์ด ขอให้ปฏิบัติต่อสื่อโดยเฉพาะที่เข้ามาประจำในพื้นที่ เอื้ออารีอย่างเป็นพิเศษ เราอย่าไปสร้างศัตรูเพิ่ม เพราะแค่ระบอบทักษิณก็สู้กันจะข้ามปีอยู่แล้ว
ดังนั้นขั้นตอนที่ดำเนินการเลือกตั้งหลังจากนี้เราจะขัดขวางทุกขั้นตอนจนถึงวันสุดท้าย แต่การที่ กกต.ปล่อยให้มีการรับสมัครตั้งแต่ 04.00 น.ทั้งที่ประกาศให้เริ่มรับสมัครได้เวลา 08.00 น. กกต.ทำเช่นนี้ ประชาชนจึงเห็นว่ามีพิรุธ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ กกต.ก็ไปนั่งตรวจเอกสารผู้สมัครภายใน สน.ดินแดง ซึ่งที่นั้นไม่ใช้สถานที่รับเลือกตั้งตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งไม่มีกฏหมายบอกให้ทำได้ ทั้งหมดนี้ประชาชนจึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเลือกตั้งทั้งหมดก่อน เสียดาย กกต.หลายคนที่ตนรู้จักเป็นผู้ทรงภูมิเป็นคนดีของบ้านเมือง ไม่อยากให้แปดเปื้อนความสกปรกรกรุงรัง ต้องพิจารณา หากยังเดินหน้าประชาชนก็ต้องเดินตามวิถีทางประชาชน เพราะเลือกเดินคนละข้างกับประชาชน และหากถูกดำเนินคดีตามวิถีทางประชาชนก็อย่าร้อนอกร้อนใจ และการที่รัฐบาลจะตั้งข้อหาอะไรอีกก็ไม่สนใจแล้ว ทั้งนี้หากประชาชนออกมาอีกก็จะมีแรงกดดันไปจนถึงขั้นที่ข้าราชการทนไม่ไหว ก็ขอเตือนไว้