นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงว่า ที่ประชุมพิจารณาทางกฎหมาย รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากการรักษาการ
โดยอ้างมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งองค์พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ด.พ. 57 แล้วนั้น ที่ประชุมเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะรัฐมนตรีจะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งชุดจะลาออกมิได้ เพราะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ให้กระทำได้ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีฝ่าฝืนกระทำการลาออกไป จะไม่มีสภาพบังคับหรือผลตามกฎหมายแต่ประการใด อันหมายความว่า การลาออกนั้นเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักการและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 181 ที่จะต้องไม่เกิดสูญญากาศของการบริหารประเทศ
รวมถึงเป็นไปตามหลักความรับผิดชอบร่วมกันของคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามมาตรา 181 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีนี้เป็นคนละกรณีกับการที่นายกรัฐมนตรีจะปรับรัฐมนตรีบางคนออกหรือรัฐมนตรีบางคนจะลาออก ซึ่งมิใช่กรณีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะร่วมกันลาออกทั้งคณะ ซึ่งจะเป็นการจงใจละทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกันดังกล่าวข้างต้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการกฎหมายได้พิจารณาจากคำแถลงและคำอภิปรายต่างๆ ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำแล้ว เห็นว่าทั้งโดยพฤติกรรมและถ้อยคำที่แถลงมีความชัดเจนว่า นายสุเทพกับแกนนำได้ทำการต่างๆ เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเป็นการเฉพาะ อันไม่มีกฎหมายรองรับ
รวมถึงการจัดตั้งสภาประชาชน มีการออกคำสั่งให้คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติต่างๆ หลายอย่างหลายประการ รวมถึงการจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครรักษาการแทนตำรวจขึ้นเป็นการเฉพาะ การกระทำการ และสั่งการของนายสุเทพจึงเป็นการสั่งการโดยไม่มีการกฎหมายใดให้อำนาจกระทำได้ และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีขึ้นอีกชุดหนึ่ง ขณะที่รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่งอยู่นี้ จึงเป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง