บริเวณแยกพล.1ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มมวลชนคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือ กปปส.
นำโดยนายชุมพล จุลใส ได้พาผู้ชุมนุมจำนวนมากเดินทางมาที่บริเวณแยกพล.1อีกครั้ง เพื่อบุกเข้ามาภายในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังจากเมื่อวันที่1 ธ.ค. ได้พามวลชนมาประชิดที่แยกพล.1แล้ว แต่ไม่สามารถเข้ามาภายในพื้นที่บช.น.ได้จนต้องพามวลชนถอยกลับไปตั้งหลักที่ถนนราชดำเนินโดยนายชุมพลได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประณามการใช้แก็สน้ำตา
นอกจากนี้แกนนำที่ปราศรัยอยู่บนรถขยายเสียงหกล้อ ได้บอกให้ผู้ชุมนุมจำนวน 1 คน ปีนขึ้นไปบนเสาไฟเพื่อหันกล้องวงจรปิดไปทางฝั่งตำรวจก่อนที่ทั้งหมดจะตั้งขบวนรอรถสูบส้วมของกรุงเทพมหานครให้เข้ามาสมทบซึ่งรถสูบส้วมดังกล่าว ผู้ชุมนุมได้เตรียมเอาไว้ใช้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทางด้านตำรวจได้วางกำลังอยู่ด้านหลังแบริเออร์เพื่อตั้งรับอย่างแน่นหนาและพยายามใช้รถเครื่องขยายเสียงเจรจากับผู้ชุมนุมพร้อมกับเปิดเพลงมาร์ชตำรวจสลับกัน
ต่อมาเวลา 10.55 น.กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างสิ่งของและปาระเบิดปิงปองและปะทัดยักษ์ใส่แนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทำให้ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดใส่ผู้ชุมนุมพร้อมกับขว้างแก็สน้ำตา และยิงกระสุนปืนจากด้านหลังแนวเพื่อข่มขู่ให้มวลชนกลัวและถอยร่นกลับไป ทำให้บรรยากาศบริเวณแยกพล.1ขณะนี้ ยังคงตึงเครียด เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมถูกแก็สน้ำตาของตำรวจก็แตกกระเจิงและถอยร่นไปประมาณ100 เมตรก่อนจะเดินกลับมาที่ด้านหน้าแนวกั้นของตำรวจอีกครั้ง
มีรายงานว่าขณะนี้มีการส่งข้อความผ่านทางไลน์ต่อๆกันในกลุ่มตำรวจปราบจลาจลว่า มีการข่าวแจ้งเตือนมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกนายระวังตัว เนื่องจากม็อบจะใช้น้ำกรดหรือน้ำยาฆ่ายางพารา สาดเข้าใส่ตำรวจ ซึ่งการข่าวดังกล่าวมาจากทางภาคใต้
ขณะที่พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.ในฐานะดูแลงานด้านความมั่นคงฯเปิดเผยกรณีการใช้แก๊สน้ำตาในการรักษาความสงบเรียบร้อยว่า
แก๊สน้ำตาที่ใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่การชุมนุมเป็นแก๊สน้ำตาชนิดแบบซีเอสและซีเอ็นที่รับการพิสูจน์จากทั่วโลกแล้วว่าไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ โดยมีการนำมาใช้รูปแบบต่างๆ แบบขว้างหรือยิง ใช้เป็นควันและแบบผสมน้ำซึ่งเป็นเรื่องที่ใช้กันทั่วโลก ยืนยันว่าไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับกลุ่มผู้ชุมนุมและทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจต้องทำหน้าที่ในการรักษากฎหมายโดยไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้ เพราะการกระทำที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงระหว่างการชุมนุม
ซึ่งตำรวจไม่ได้ต้องการจะหาเรื่องกับกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใดแต่ในเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนมีการกระทำที่ก้าวร้าวทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อบุกรุกเข้ามาในพื้นที่พ.ร.บ.ความมั่นคงฯและทำร้ายตำรวจด้วยการขว้างระเบิดปิงปอง ขวดแก้ว ระเบิดเพลิงรวมถึงใช้หนังสติ๊กยิงหัวน็อตหรือลูกแก้วเข้ามาใส่ จึงทำให้ตำรวจไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาเท่านั้น