วีระ ปากกล้าตาม แม้ว แนะม็อบกู้ชาติกลับบ้านกาเบอร์ 2 ไถ่โทษ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 มีนาคม 2549 12:12 น.

นครศรีธรรมราช นายวีระ มุสิกพงศ์ หรือ ไข่มุกดำ ขึ้นเวทีหาเสียง ทรท.เมืองคอน ด่าแหลกม็อบพันธมิตร โจรโพกผ้าเหลือง ประกาศครองอำนาจแล้วเตรียมคิดบัญชีแกนนำฐานปฏิวัติ ส่วนพวกตามต้องนำไปบำบัด ชี้วิธีไถ่โทษเลิกชุมนุมแล้วเลือกเบอร์ 2 ประกาศลั่นสภามีพวกข้าพรรคเดียวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 มี.ค.) ที่บริเวณสี่แยกเบญจมะ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงของ ดร.กณพ เกตุชาติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นครศรีธรรมราช พรรคไทยรักไทย โดยมีนายวีระ มุสิกพงศ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย และแกนนำการเคลื่อนไหวหาเสียงของผู้สมัครพรรคไทยรักไทยนครศรีธรรมราช มาร่วมกันอย่างคับคั่ง โดยมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 1,000 คน ซึ่งจุดตั้งเวทีนั้นอยู่ห่างจากบ้านพักของนายสัมพันธ์ ทองสมัคร แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ถึง 500 เมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยอย่างเผ็ดร้อน โดยเริ่มจากการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีอายุยาวนานถึง 60 ปี รักษาประชาธิปไตยไว้ไม่ได้ ขณะนี้ขบวนการโจรโพกผ้าเหลืองอาละวาดอยู่ที่ กทม. ประชาธิปัตย์แทนที่จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ทำไปทำมาไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ พอประชาธิปัตย์ปราศรัยเมื่อวันที่ 24 มานั่งกันเต็มหน้าเวทีโพกผ้าเหลืองกันเต็ม

พวกนี้กวนเมืองกันจนทำให้ไม่สบายใจกันทั่ว 2 เม.ย.มีการเลือกตั้ง ประธานองคมนตรีก็ไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้เห็นแล้ว เพราะฉะนั้น ประเทศไทยต้องเดินไปตามระบอบประชาธิปไตย อย่างนายสัมพันธ์ ทองสมัคร บอกนักบอกหนาว่าเคารพประธานองคมนตรี แต่ทำไมไม่เดินตามท่านรัฐบุรุษ

ขณะนี้ประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด กำลังเกิดความวิปลาสคลาดเคลื่อนไปหมดแล้ว กระทั่งไม่รู้ว่าจะเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค ดันไปเอาเด็กมาเป็นหัวหน้าพรรคไปเอา ด.ช.อภิสิทธิ์ มาเป็นหัวหน้า คำว่าอภิสิทธิ์แปลว่าความไม่เสมอภาค เอาเปรียบคนอื่น ต้องเปลี่ยนชื่อก่อนว่า เสมอภาค ข่าวคราวที่ออกมาชัดว่าขัดแย้งกับนายชวน ที่เป็นคนยึดมั่นในระบบรัฐสภา แต่ก็แพ้อภิสิทธิ์เพราะนายชวนแก่แล้ว ดังนั้น เด็กจึงพาพรรคออกนอกเส้นทางประชาธิปไตย 56 ที่นั่งในภาคใต้ จึงขอขอบคุณที่ประชาธิปัตย์ไม่ลง ทำให้มีโอกาสในการทำงานพิสูจน์ 1 ปี 3 เดือน คราวนี้สวรรค์บันดาลที่ทำให้มีการเทียบเคียง จริงๆ แล้วถ้าประชาธิปัตย์ลงทั้งประเทศอาจจะเหลือแค่ 80 ที่นั่ง เพราะฉะนั้นจึงหาทางอย่างไรก็ได้ที่จะต้องสกัดพรรคไทยรักไทย นายวีระ กล่าว และว่า

อย่างนายสนธิ เคยมาอยู่กับประชาธิปัตย์เมื่อปี 17 สมัยนั้นเคยมาช่วยนายดำรง ลัทธิพัทธ์ ทำงาน จากนั้นทำธุรกิจหลายอย่าง รวมทั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ต่อมาก็ล้มละลายไป 3 ปีแล้วปลอดหนี้ คนคนนี้มีสมองดี มีธุรกิจมากมาย แต่ระยะหลังไม่พอใจที่ขอนายกฯ แล้วไม่ได้ 2 เรื่อง คือ ขอให้นายวิโรจน์ นวลแข มาเป็น กก.ผจก.ธนาคารกรุงไทยแล้วไม่ได้ เนื่องจาก ธปท.ปฏิเสธ ต่อมาคือการขอทำทีวี นายกฯบอกว่าไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย เลยโจมตีมาตั้งแต่กันยายนปี 48 จากที่เคยเชียร์กันมาตลอด

นายวีระ มุสิกพงศ์ ยังกล่าวต่อว่า สถานการณ์มาระเบิดเอาเมื่อครอบครัวนายกรัฐมนตรีขายหุ้น 7.3 หมื่นล้าน ทำให้คนอิจฉาตาร้อนกันมาก เพราะเงินมหาศาล หลายคนไปขอกันมากขอแล้วไม่ได้เหมือนกับคนถูกหวยรางวัลที่ 1 มีคนรุมทึ้ง เรื่องนี้เรื่องเดียวต่อมาประชาธิปัตย์ก็โหนกระแส จนถึงปัจจุบันจนถึงการขอนายกพระราชทาน เป็นวิธีการที่ถีบรัฐธรรมนูญ

การรวมตัวกันแต่ละครั้ง พวกสื่อนี่แปลกมาแค่ 5,000 บอก 10,000 มา 20,000 บอกแสน แต่ถ้ามาสนับสนุนรัฐบาลมา 100,000 บอก 5 0,000 ผมเคยถามพวกไอ้โจรโพกผ้าเหลืองว่าการขอนายกพระราชทานเป็นการขอที่เกินไปหรือไม่ ใครไม่พอใจนายกฯ ก็บอกว่าออกไป เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของมาตรา 7 ต้องเถียงกันอยู่ตลอดอย่างไร ก็ไม่ได้เรียกร้องกันมาตลอดตามรัฐธรรมนูญ ว่านายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง

ผมจะคิดบัญชีกับไอ้พวกหัวโจกทั้งหลาย ที่เดินขบวน ส่วนพวกที่เดินตามจะต้องนำตัวไปบำบัดมีทางเลือก คือ เลิกการชุมนุมกลับบ้านแล้วไปเลือกเบอร์ 2 พวกหัวโจกทั้งหลายเหมือนกับเป็นผู้ค้าถือเป็นกบฏในราชอาณาจักร ยืนยันว่าทำได้เพราะไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม โดยการกระทำของพวกเรา เนื่องจากสภา มีพวกข้าพเจ้าเพียงพรรคเดียวเท่านั้น เชื่อว่าผมมีโอกาสได้เป็นผู้บริหารในซอกมุมไหน ยืนยันว่าผมมาเป็นผู้บริหาร ผมจับแน่ไอ้พวกนี้จะไม่ปล่อยให้คณาธิปไตยมาอยู่เหนือกฎหมาย นายวีระกล่าวในที่สุด