วอนคนไทยสบายใจ แม้ว ไม่คิดกลับบ้าน

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์


เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กลุ่มนักธุรกิจสตรี จัดเสวนาในหัวข้อ“ประเทศไทยไปทางไหน? ” โดย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางออกทางการเมืองมีอยู่แล้ว

 เพราะเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย เมื่อปี 54 ประชาชนได้เลือกตัวแทนเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศแล้ว เราก็ต้องเดินตามทางนี้ แต่พอประชาชนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจการที่ ส.ส. เสนอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ออกมาชุมนุม รัฐบาลก็รับฟังและยอมถอยแล้ว ส่วนเรื่องคดีปราสาทพระวิหารศาลโลกก็ตัดสินแล้ว ประเทศไทยไม่เสียหายก็ควรที่จะกลับมายังทางเดิม ไม่ใช่เดินซ้ายรัฐประหาร ขวาล้มรัฐบาลอย่างนี้ไม่ได้ และแม้ว่ารัฐบาลจะไม่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเพราะไม่ใช่ผู้เสนอกฎหมาย แต่รัฐบาลก็ต้องมีส่วนในการคลายวิกฤติที่เกิดขึ้น

“วันนี้ที่ประชาชนเป็นห่วงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับบ้านนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เมืองนอกสบายแล้ว ไปได้ทุกประเทศ แต่แปลกที่กลับประเทศไทยไม่ได้ และ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ก็ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทำเพื่อทุกคน แต่พอมีท่านไปรวมอยู่ในนั้นเลยเป็นปัญหา วันนี้ไม่ต้องพูดถึง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯแล้วเพราะจบแล้ว”นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เป็นเหยื่อถูกนำไปสู่เป้าหมายอย่างอื่นหรือไม่ จึงเป็นห่วงว่าวันนี้มีการบิดเบือนประเด็น จึงอยากให้ประชาชนมีสติ ใครที่ออกจากระบอบประชาธิปไตยอย่าคบ เพราะคบไม่ได้ แม้ระบบนี้ไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุด แต่ก็เลวน้อยที่สุดจึงต้องยึดถือเป็นที่ตั้ง และการที่ให้นักศึกษาไปขึ้นเวทีพูดหยาบคาย ถือเป็นการสอนค่านิยมที่ผิด อยากวิงวอนว่าหากนักศึกษาจะออกไปร่วมกับใครก็ทำได้ แต่ขอให้ใช้วิจารณญานอย่าทำอะไรที่สังคมรับไม่ได้ และวิงวอนผู้ใหญ่ทั้งหลายว่าควรทิ้งความดีให้บ้านเมืองไว้เป็นแบบอย่างให้คนรุ่นต่อไป วันนี้เราต้องพัฒนาเด็กของเราให้เข้าระบอบประชาธิปไตยบริสุทธิ์ เพราะทางอื่นไปไม่รอดไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือรัฐประหาร และต้องสอนให้เห็นถึงความเสียสละของนักการเมือง ไม่ใช่สอนให้หาวิธีการอื่นเพื่อมาเป็นรัฐบาล

ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตเลขาธิการกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ กล่าวว่า การตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารถือเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย หากมีการตัดสินไปทางหนึ่งทางใดอาจจะมีปัญหาตามมาได้ เราจึงควรนำข้อคิดตรงนี้มาดูปัญหาในประเทศไทยที่ต้องมาพูดคุยกัน เมื่อเรามีรัฐสภาก็ควรให้เป็นเวทีพูดคุย ไม่ใช้ออกมาคุยกันข้างถนน และเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯนั้น เราก็ยืนยันชัดเจนว่าไม่เดินหน้าต่อ ถือว่าจบแน่นอน หากใครไปทำนอกเหนือจากนี้จะไม่ได้เกิดทางการเมืองแน่นอน

“เราก้าวไม่ข้ามหล่มแห่งความขัดแย้งในบ้านเมือง ขณะนี้อีกฝั่งลาออกจากการเป็น ส.ส.พร้อมกับเสนอในสิ่งที่ทำร้ายประเทศอย่างยิ่ง ทั้งเสนอให้หยุดงานและไม่เสียภาษี นอกจากนี้ผมอยากเปรียบเทียบการตัดสินของศาลโลก โดยให้ศาลไทยดูตัวอย่างว่าอะไรที่ทำแล้วจะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนต้องคิดให้หนัก ขณะนี้เราต้องช่วยกันดึงฟืนออกจากกองไฟ ไม่ใช่เพิ่มปัญหาให้บ้านเมือง เข้าใจว่าทุกคนรักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน การตัดสินของศาลโลกจึงเป็นข้อคิดที่ดีที่สุดที่ศาลไทยจะนำมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองเรา” นายชวลิต กล่าว

ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ถอดหน้ากากใครบางคนออกมา เช่น กรณีผู้ที่ออกมาต่อต้านการนิรโทษกรรมฯว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่กลับยอมรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 หมายถึงการยอมรับการนิรโทษกรรมฯในรัฐธรรมนูญ หรือกรณีที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับทหารที่เสียชีวิตในการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา แต่ไม่สนใจต่อการเสียชีวิตของประชาชนที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์การชุมนุม สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเริ่มตั้งสติและเริ่มจะถอดหน้ากากออกมาว่า มีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ นอกจากนี้การเดินไปยังจุดหนึ่งแต่เมื่อถูกต่อต้านแล้วถอยไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนลุยไปจนสุดทางทั้งที่รู้ว่าเรือกำลังจะจมก็จมตามเรือไปแทนที่จะกอบกู้ ซึ่งเรื่องนี้สามารถยกกรณีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวอย่างได้ ที่เมื่อพบปัญหาก็หาทางออกคือหันมาตั้งสติทบทวนว่าสิ่งที่ทำอยู่ถูกต้องหรือไม่ เมื่อมีทางออกที่ดีกว่าก็เสนอแก่สังคม วันนี้พรรคเพื่อไทยใช้วิธีรุกและถอยในเวลาเดียวกัน คือถอยร่างกฎหมายแต่รุกในการจับมือกันในเวทีปฏิรูปการเมืองเพื่อคุยกันและเดินหน้าไปพร้อมกัน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์