สุรยุทธ์หักดิบสนธิ กลิ่นรัฐประหารซ้อนโชย !

"สุรยุทธ์"หักดิบ"สนธิ" กลิ่นรัฐประหารซ้อนโชย !


เกมนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ !!! ใครว่า พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะกลายเป็นนายกฯ ตรายาง ให้เชือด คมช."บงการ" คงต้องคิดกันใหม่แล้ว

ระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พร้อมด้วย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช. เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ด้วยความมาดมั่นว่า จะยอมเซ็นประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสกัดม็อบป่วนเมืองในวันศุกร์นี้เป็นการเฉพาะ

แต่สุดท้าย ก็เป็น "หมัน"


ข้อเสนอของ พล.อ.สนธิ ที่ปักธงมาแต่แรกว่า สถานการณ์ม็อบจวนถึงขั้นแตกหักแล้ว


ถ้าไม่ "ฉีดยาแรง" ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากำราบเหตุการณ์มันจะบานปลายไปกันใหญ่ จนคุมไม่อยู่

ทว่า ในมุมของ "ขิงแก่"...พล.อ.สุรยุทธ์ มองโจทย์การเมืองเปลาะนี้ไปคนละด้าน

โรคม็อบแม้ว แม้จะมีอาการบ่งชี้ว่าจะส่อไปในทางรุนแรง แต่ในเมื่อหมอ ยังไม่ได้วินิจฉัยอย่างถ่องแท้หรือรอดูอาการแทรกซ้อนที่แท้จริงของคนไข้

การรักษา โดยใช้วิธี "ผ่าตัด" ดูจะเป็นการสุ่มเสี่ยงเกินไป

ที่สำคัญ คือ พล.อ.สุรยุทธ์ มีความเชื่อมันในแนวทางของประชาธิปไตย ที่จะต้องเปิดช่องให้ "ประชาชน" ได้มีส่วนร่วมแสดงความเห็นอย่างเต็มที่

รายการ "หักเหลี่ยมเฉือนคม" ระหว่างนายกรัฐมนตรี ที่ คมช.ตั้งมากับมือ

จึงถูกเพ่งมองจาก "นักสังเกตการณ์" ว่านี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ใช่จะ "เคี้ยว" กันได้ง่ายๆ


พล.อ.สนธิ พร้อม พล.อ.วินัย ต้องตะลึงกันยกแรก


เมื่อเดินเข้าประชุมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 15.00 น.

คนที่น่าจะอยู่ในวาระของการประชุมไหงมีการเพิ่ม นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าไปด้วย

แถมเรื่องสำคัญ ที่พล.อ.สนธิ เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะหยิบยกมาถกกันเครียดในวาระแรก กลับกลายเป็นที่ประชุมหารือและกำหนดวันจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในเดือนกันยายน 2550 และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคม 2550

ขณะที่วาระร้อนๆ ของ คมช.กลายเป็นเรื่องที่ต้องถกในประเด็นที่ 2

และการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรี ก็หักหน้า คมช. เข้าเต็มๆ

"ในเมื่อเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้"

วาทะสั้นๆ ของ พล.อ.สุรยทธ์ แต่กระชับ และได้ความกินใจ

แน่นอนว่า การเดินออกจากทำเนียบด้วยความ "ว่างเปล่า" ของประธาน และเลขาธิการ คมช. ย่อมทำให้เกิดคำถามในอนาคต


คมช.จะทำยังไง ในเมื่อรัฐบาล ที่ตนเองตั้งมากับมือ "หักดิบ" แบบนี้


คมช.จะใช้อำนาจที่มีอยู่ ปลดนายกรัฐมนตรี ที่แข็งข้อหรือไม่

หาก คมช.ปลด "พล.อ.สุรยุทธ์" แล้ว จะตั้งใครขึ้นมาใหม่

คมช.จะชิงรัฐประหารซ้อน เพื่อล้างไพ่การเมืองอีกครั้งหรือเปล่า

คำตอบที่มี "สถานการณ์บนข้อเท็จจริง" เป็นตัวขับเคลื่อน กลายเป็นว่า คมช.กำลังถูกโดดเดี่ยว

มีสภาพไม่ต่างอะไรกับ "เสือ ที่กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าป่า" ก็เจอพรานหักเขี้ยว ถอดเล็บ หมดแล้ว

การเดินหมากพลาดของ คมช.เกิดจาก คมช.เองทั้งนั้น

มีอำนาจแต่ไม่รู้จักใช้อำนาจ

ต่างกับ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่มองการขยับของ คมช. ก็แลเห็นแล้วว่า จะออกมา "รับมือ" เช่นไร

การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ชิงนำเรื่องกำหนดวันลงประชามติ และวันเลือกตั้ง มาเป็นวาระเร่งด่วน

นี่ย่อมไม่ต่างอะไรกับการ "มัดมือ" คมช.ไปในตัว


รัฐบาลได้ขับเคลื่อนในวิถีแห่งประชาธิปไตยแล้ว


และรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็มีความชอบธรรม ที่จะต้องอยู่เพื่อดูแลการเลือกตั้งไปจนจบ

หาก คมช.จะปลดนายกรัฐมนตรี หรือทำอะไรสักอย่าง "สังคม" จะติฉินนินทาว่า คมช.นั่นแหละ คือตัวถ่วงแห่งประชาธิปไตย

หมากนี้ คมช.ถึงกับกลืนเลือดไปอึกใหญ่

แต่ที่แสบสันต์ยิ่งกว่านั้น หากไล่เรียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อตอนเที่ยง พล.อ.สุรยุทธ์ เรียก นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพบ

หัวข้อการหารือ แม้จะไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ก็พอจะคาดการณ์กันได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องแนวทางการแก้ปัญหาไฟใต้ ที่นายอานันท์ เคยเป็นประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อดับไฟใต้

แน่นอนว่า ข่าวนี้ พอบิ๊ก คมช.ได้ยิน ย่อมเดือดปุดๆ ทันที

จะไม่ให้เต้นเป็นเจ้าเข้าทรงได้ไง ก็นายอานันท์ คือหนึ่งในอีกแคนดิเดท ที่ คมช.หมายมั่นไว้

หาก พล.อ.สุรยุทธ์ ถอดใจ หรือเจอ คมช.ปลด

นายอานันท์นี่แหละ คือนายกรัฐมนตรีคนต่อไป


เมื่อยุทธศาสตร์รบ เจอคู่แข่งจับทางได้


พล.อ.สุรยุทธ์ "ช่วงชิงแกนนำ" ดึง นายอานันท์ มาร่วมงาน

โจทย์เก่าที่ถูกแก้สมการได้อย่างง่ายดาย แถมโจทย์ใหม่ที่วางไว้ในอนาคต ก็ถูก "ขิงแก่" ตามมาไล่แก้ล่วงหน้า

แน่นอนว่า สถานการณ์ที่ "ดีดกลับ" จะนำไปสู่ความราวฉานที่ขยายวง ระหว่าง พล.อ.สุรยุทธ์ และ คมช.เพิ่มขึ้น

และแน่นอนอีกเช่นกัน ที่สถานการณ์เช่นนี้ จะเป็นช่องโหว่ให้ระบอบทักษิณ เข้ามาสร้างความปั่นป่วน

แม้การตัดสินใจครั้งสำคัญของ "พล.อ.สุรยุทธ์" ที่เลือกไม่เดินตามเกมของ คมช. จะถือว่าเดินมาถูกทาง

แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ และดูแคลน คมช.จนเกินไป

รัฐประหารครั้งแรก ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น

รัฐประหารซ้อนอีกครั้ง ใช่ว่าจะไม่มี

ที่สำคัญเสียงฮึดฮัดของบิ๊ก คมช. คล้อยหลังการแถลงข่าว ไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของ พล.อ.สุรยุทธ์ เล่นเอาสะท้านไปทั่ววงการ


"บางทีสถานการณ์ ที่ไม่อยากให้เกิด อาจมาเร็วกว่าที่คิด"



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์