โลกตีข่าวปฏิวัติซ้อน! พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ่นพิษ
บาทอ่อน หลังลือปฏิวัติ
นักค้าเงินจากธนาคารพาณิชย์รายหนึ่งกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 34.90-34.94 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงเช้าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่องตามค่าเงินสกุลอื่น ๆ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง เพราะข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐออกมาไม่ดีนัก จนแข็งค่าสูงสุดที่ระกับ 34.89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายมีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวลือเกี่ยวกับการปฏิวัติซ้อนในประเทศไทย
จึงทำให้นักลงทุนตกใจรีบเทขายเงินออกมาเพื่อทำกำไรก่อน ส่งผลให้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าไปแตะที่ระดับ 35.00 บาทอีกครั้ง และปิดตลาดที่ 34.99-35.01 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สวนกระแสค่าเงินในภูมิภาคที่ปรับแข็งค่าขึ้นตลอดทั้งวัน
ตปท.ตีข่าวพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
สำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อธิบายถึงเหตุผลในการเสนอให้นายกรัฐมนตรีออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในภาวะฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกครั้งว่า เป็นไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชุมนุมยืดเยื้อที่อาจขยายตัวออกไปจนกลายเป็นความขัดแย้งในสังคม ในทำนองเดียวกับก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีก
รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีการคาดการณ์กันมากก่อนหน้านี้ว่า
รัฐบาลอาจใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น โดยสำนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายแห่ง รวมทั้งฝ่ายการตลาดของธนาคารเอชเอสบีซี ได้นำเสนอความเป็นไปได้ของการฟื้น พ.ร.ก.ดังกล่าวมาใช้อีกครั้งในจดหมายเวียนถึงลูกค้าไปก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่า พรรคไทยรักไทยสามารถระดมผู้คนมาชุมนุมในวันที่ 30 มีนาคมนี้ได้มากถึง 20,000 คน ทำให้การยืนยันข่าวดังกล่าวของเอเอฟพีส่งผลกระทบอย่างสูงต่อตลาดหุ้นของไทย และก่อให้เกิดข่าวลือปฏิวัติต่อเนื่องติดตามมาอีกด้วย