กล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่ไม่ประสงค์จะรับอนิสงค์จากการนิรโทษกรรมและตนก็มีเหตุผล การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) พยายามที่จะบอกว่าการที่ตนแสดงจุดยืน ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่นั้น เป็นความพยายามให้ตนแสดงท่าทีให้ไปเผชิญหน้ากับแนวทางของคณะกรรมาธิการธิการวิสามัญของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องบอกว่าอย่าพยายามอย่างนั้นเลย เพราะชัดเจนว่าการหารือของมิตรที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน ก็ต้องมีวิธีการที่ทำกันอย่างฉันมิตร ส่วนคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง หวังแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้ อย่าได้มาคาดหวังจากพวกตนไม่มีทาง และคนอย่างตนเมื่อกำหนดจุดยืนแน่ชัดก็จะไม่มีความเปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนอย่างที่นายอภิสิทธิ์ เคยทำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาสงสัยในตัวของตน การที่นายอภิสิทธิ์รับเก้าอี้ในค่ายทหารสมยอมกับอำนาจรัฐประหาร อำนาจเผด็จการ มันอธิบายชัดอยู่แล้วว่าคนอย่างนายอภิสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์มาถามหาจุดยืนทางการเมืองจากใคร
ได้แสดงเหตุผลในประเด็นต่างๆ ซึ่งคิดว่าในเวทีเหล่านั้น ฝ่ายที่มีความเห็นต่างหรือมีข้อคิดเห็นอื่นๆก็คงมีโอกาสแลกเปลี่ยนกันด้วย ส่วนการที่ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีท่าทีสนับสนุนการแปรญัติโหวตวาระ3แก้ไขร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมนั้น ยังไม่มีการพูดคุยกับนางเยาวภา แต่ว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีความเห็นเป็น 2 แนวทาง เพราะฉะนั้นใครที่คิดอ่านไปในแนวทางใด ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว และการแลกเปลี่ยนหารือกันก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนอกรอบหรือภายในพรรคก็ตาม
ต้องมีการหารือกันถึงเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงทั้งในพรรคพลังชลและพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่าต้องฟังเสียงต่อต้านจากสังคมด้วยหรือไม่ นายสนธยากล่าวว่า โดยปกติควรฟังทุกเหตุผล ทุกกระแสและนำมาประเมินต่อผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร