นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของ 14 ตุลาเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด ขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์น่าจดจำ การจัดการรำลึกในทุกๆ ปี เเม้จะเจ็บปวดบ้างเเต่ชอบธรรมเเละควรค่ายิ่งเเก่การรำลึก รวมทั้งควรค่าเเก่การสอนให้เยาวชนเรียนรู้ต่อไป เเละเป็นเรื่องที่ทั่วโลกถือปฎิบัติกัน ผิดกับการทำปฎิวัติรัฐประหารที่ไม่มีการรำลึกเพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีความชอบธรรม ในอดีตมีการใส่ร้ายนักศึกษาธรรมศาสตร์ว่า ขุดอุโมงค์ภายในธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่เป็นความจริง เเต่หากใครบอกว่ามีจริง ช่วยพาไปดูหน่อย จะได้เรียกผู้ว่าฯ กทม. ให้มาดูด้วย จะได้รู้ว่าอุโมงค์ยักษ์ที่ใช้งานได้เป็นอย่างไร จะได้เเก้น้ำท่วมได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ไม่สำคัญว่าใครจะเกิดทันยุค 14 ตุลา 2516 หรือไม่ เเต่สำคัญว่าเมื่อทุกคนรู้ความเลวร้ายของรัฐประหาร ของอำนาจเผด็จการเเบบนี้เเล้วจะทำอย่างไรต่างหาก ปัจจุบันมีหลายคนที่เคยสู้ร่วมในเดือนตุลา16 เปลี่ยนความคิดจากต่อต้านเผด็จการ เป็นสนับสนุนรัฐประหาร
การเเสดงออกในการการเมืองแม้ต่างกรรมต่างวาระ เเต่ที่สำคัญคือจุดยืนต้องชัดเจน ตรงไปตรงมา ซึ่งในการต่อต้านเผด็จการรัฐประการนั้นเป็นหน้าที่หลักการที่ต้องอยู่ในจิตใจ ผู้รักประชาธิปไตยทุกคน ไม่มีการรัฐประหารที่ชอบธรรมเเละมีเหตุผล" นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่า ปัจจุบันเห็นว่าคนบางกลุ่มไม่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์การสูญเสียตลอดที่ผ่านมา จึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่า เหตุการณ์ปราบปรามประชาชนจะไม่เกิดอีกในอนาคตข้างหน้า เพราะว่าความอยุธิธรรมเกิดขึ้นตลอดมา
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ครั้งหนึ่งนายจีระ บุญมาก วีรชน 14 ตุลา เคยยื่นผลส้มให้ทหารฝ่ายเผด็จการ เเต่กลับถูกสนองด้วยกระสุน เสียชีวิตเป็นรายแรก ขณะที่เมื่อปี 2551 เหตุการณ์กลับกัน เผด็จการรัฐประหารยื่นผลส้มให้นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ เเละนายอภิสิทธิก็รับไปถือ เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด