คมช.พลิกตำราเปิดเกมรุกลับ ออกกม.คุมม็อบ

ม็อบเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ ทั้งภาคอีสานและภาคใต้ นั่งชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาที่ทำกินและหนี้สินเกษตรกร เมื่อวันที่ 27 มีนาคม

สกัดกั้นการปลุกระดมมวลชนโดยกลุ่มการเมืองเครือข่ายขั้วอำนาจเก่า ไม่ให้ลุกฮือขึ้นมาก่อหวอดต่อต้านรัฐบาลและ คมช. ภายหลังจากถูกม็อบพีทีวีที่นำโดยอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยรุกไล่อย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้

ได้แถลงผลการประชุม คมช. ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมาว่า พล.ต.ท.อดิศร นนทรี ผบช.น. และ พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ได้เข้ารายงานสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน คมช. และรัฐบาล พร้อมกับเสนอแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างการชุมนุมในอนาคต

ทั้งนี้ พล.ต.ท.อดิศร ชี้แจงว่า กฎหมายที่จะใช้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้ คือ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ร.บ.จราจร และ พ.ร.บ.ก่อสร้างในที่สาธารณะ โดยไม่มี พ.ร.บ.เกี่ยวกับการควบคุมการชุมนุมโดยตรง ทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงค์โปร์ ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย ต่างประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้กันอย่างถ้วนหน้า ซึ่ง คมช. ได้รับข้อเสนอของตำรวจไว้ และขอเวลาพิจารณาตกลงใจไม่เกิน 1-2 วัน จะมีการประกาศมาตรการเด็ดขาดออกมา แต่ทั้งนี้จะไม่ถึงกับต้องประกาศกฎอัยการศึกหรือประกาศภาวะฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า จะมีการเสนอให้ออกกฎหมายควบคุมผู้ชุมนุมด้วยใช่หรือไม่

พ.อ.สรรเสริญ ตอบว่า มีการพูดคุยกันในที่ประชุม ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งมีการประกาศใช้อยู่ คือ พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ โดยผู้ชุมนุมต้องแจ้งว่า จะมีการพูดเรื่องอะไร มีจุดมุ่งหมายอะไร มารวมกันกี่คน และใช้เวลาเท่าไร โดยคมช.จะนำไปหารือกับฝ่ายต่างๆ อีกครั้ง หากเห็นว่า มีความเหมาะสม ก็จะเสนอให้มีการยกร่างกฎหมายขึ้นมา

ส่วนสาเหตุที่ คมช.มองว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวมีความจำเป็น เนื่องจากการชุมนุมาในช่วงที่ผ่านมา มีการพูดจาหมิ่นเหม่ เหยียดหยาม เสียดสี จาบจ้วงต่อบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งท่านก็ไม่ประสงค์ที่จะไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะจะเป็นชนวนความแตกแยกขึ้น จึงเป็นช่องโหว่ให้ยังพูดกันไม่หยุด ดังนั้นหากมีกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา ก็จะช่วยให้การชุมนุมอยู่ในกรอบที่ชัดเจน

พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของม็อบพีทีวีว่า แกนนำล้วนเป็นคนที่ลาออกจากพรรคไทยรักไทย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแปลเจตนาว่า เคลื่อนไหวไปเพื่ออะไร อย่างไรก็ตามการจะเอาผิดตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 ก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากทั้งหมดลาออกจากพรรคไปแล้ว จึงได้แต่พยายามป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพราะทราบเจตนาการยั่วยุที่ทำกันอยู่แล้ว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า