เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า
ยังเกิดเหตุความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในแง่ของการพูดคุยกับทางบีอาร์เอ็นยังมี 2 ประเด็นที่ค้างอยู่ คือ 1.การเจรจาดูจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะผู้ที่รับผิดชอบบอกว่าจะมีกลุ่มอื่นๆ เข้ามาร่วมในกระบวนการพูดคุยด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจได้มากขึ้น แต่ก็ต้องดูว่าจะสามารถลดกลุ่มที่เป็นปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าในกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วยกันเองก็เห็นไม่ตรงกัน
2.เมื่อมีกลุ่มใหม่เข้ามาพูดคุย แต่ยังมี 5 ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่รัฐบอกกำลังดูอยู่ การแสดงท่าทีในเรื่องนี้ของรัฐบาลถือว่ามีความสำคัญ
เพราะเป็นข้อเสนอที่เลยเถิดจากกรอบตกลงเดิม เพราะว่าถ้ามีการรับในบางข้อ หรือทุกข้อ ก็เท่ากับต้องมาเริ่มต้นเขียนกรอบกันใหม่ แต่ถ้าไม่รับก็เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วกลุ่มบีอาร์เอ็นพร้อมที่จะพูดคุยกันต่อไปในลักษณะไหนอย่างไร หรือไม่
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีข้อเสนออะไรไปยังกลุ่มบีอาร์เอ็น
ทำให้สงสัยว่าทำไมไม่พยายามทำความเข้าใจให้มันลดช่องว่างระหว่าง 2 ฝ่าย แต่กลับกลายเป็นว่าเราก็นั่งรับอย่างเดียวว่า เขาอยากได้อะไร แล้วก็เป็นปัญหาเพราะว่าพอพูดคุยต่อสาธารณะแบบนี้ ก็จะทำให้ฝ่ายที่เข้ามานั่งโต๊ะก็สามารถที่จะใช้วิธีการเอาเรื่องข้างในไปบอกข้างนอก แล้วเอาข้างนอกมากดดันอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าไม่ยอมรับตรงนี้ก็จะเดินต่อไม่ได้ ถือเป็นความไม่รัดกุมในการกำหนดแนวทางของการพูดคุย ซึ่งถ้าหากว่าทำแนวทางให้รัดกุมแล้ว เชื่อว่าจะคืบหน้าไปได้มากกว่านี้ ทั้งนี้ในการเจรจารอบใหม่คงจะปรับเปลี่ยนแนวทางได้ลำบาก เพราะจะถูกตั้งคำถามว่าทำไมต้องเปลี่ยน จะเป็นความจริงใจในการคุยต่อหรือไม่ เพราะกระบวนการเริ่มต้นมันเป็นอย่างนี้แล้ว จึงทำให้สถานการณ์ขยับได้ยาก