“ศาลรธน.” ชี้ ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 57 ไม่ขัด ม.168 ชี้ 3 องค์กรมีโอกาสชี้แจงเหตุผลขอเพิ่มงบในชั้นอนุกมธ.งบแล้ว ระบุ ม.168 วรรค เก้า ไม่มีบทบังคับเด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องเรียกผู้แทน 3 องค์แจงชั้นแปรญัตติ
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ
แถลงผลการพิจารณาวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 มาตรา 27 ในส่วนของงบประมาณศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลปกครอง และมาตรา 28 ในส่วนงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลวินิจฉัยว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคแปด และวรรคเก้า กรณีประธานรัฐสภา ส่งความเห็นของส.ส. และส.ว. 112 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 ที่มีการตัดงบประมาณขององค์กรอิสระ 3 หน่วยงาน ว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเป็นเอกฉันท์
โดยเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคเก้า บัญญัติแต่เพียงว่า การพิจารณางบประมาณรายจ่ายของรัฐสภา ศาล และองค์กร ตามวรรคแปด
หากองค์กรนั้นเห็นว่า งบประมาณที่จัดสรรไม่เพียงพอ สามารถเสนอขอแปรญัตติต่อกรรมาธิการ (กธม.) ได้โดยตรงเพื่อให้กมธ.พิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งว่า การปรับลดงบเป็นการแทรกแซงกความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ และเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยมิได้มีบทบังคับเด็ดขาดให้กมธ. ต้องเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นในการแปรญัตติแต่อย่างใด ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานมีโอกาสเข้าไปชี้แจงแสดงเหตุผลการขอเพิ่มงบประมาณต่อคณะกธม.โดยตรง ซึ่งคณะกมธ.วิสามัญฯ ได้รับทราบถึงเหตุผล และความจำเป็นในการประกอบการพิจารณาแล้ว ศาลจึงเห็นว่า ไม่ปรากฏเหตุที่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 แต่อย่างใด
เมื่อถามว่า แสดงว่าการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีครั้งต่อไป
กรรมาธิการฯจะต้องให้ผู้แทนขององค์กรอิสระเข้าชี้แจงความจำเป็นในการของบประมาณขององค์กรตนเองใช่หรือไม่ และหากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิมล กล่าวว่า เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยดังกล่าวรัฐบาลก็สามารถนำร่างพ.ร.บ.นี้ ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด.