วันนี้ 29 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ให้สัมภาษาณ์กับสื่อมวลชน กรณีการลงมติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาและคุณสมบัติ ส.ว. ในวาระสาม ว่า การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาและคุณสมบัติ ส.ว.ในวาระ 3 เป็นการท้าทายอำนาจฝ่ายต่างๆ ไม่ให้เกียรติองค์กรอิสระ ซึ่งจะนำไปสู่เดดล็อคทางการเมือง
ให้สัมภาษาณ์กับสื่อมวลชน กรณีการลงมติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาและคุณสมบัติ ส.ว. ในวาระสาม ว่า การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาและคุณสมบัติ ส.ว.ในวาระ 3 เป็นการท้าทายอำนาจฝ่ายต่างๆ ไม่ให้เกียรติองค์กรอิสระ ซึ่งจะนำไปสู่เดดล็อคทางการเมือง
ดังนั้นจึงขอฝากถึงน.ส.วยิ่งลักษณ์ ว่า แม้ไม่ถนัดในข้อกฎหมายและการบริหารประเทศ
แต่ควรจะใช้ภาวะผู้นำตัดสินใจยับยั้งไม่ให้เกิดปัญหา เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยที่แน่นอน เป็นการมิบังควรที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และหากไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ก็จะถูกผู้สนับสนุนรัฐบาลไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีกระบวนการที่รัฐสภาจะวีโต้พระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน
แต่ควรจะใช้ภาวะผู้นำตัดสินใจยับยั้งไม่ให้เกิดปัญหา เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยที่แน่นอน เป็นการมิบังควรที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และหากไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ก็จะถูกผู้สนับสนุนรัฐบาลไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีกระบวนการที่รัฐสภาจะวีโต้พระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน
น.ส.มัลลิกา กล่าวต่อไปว่า เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ อีกครั้ง หากไม่พระราชทานลงมา นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศบังคับใช้ได้
เป็นการกดดันและท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจกลายเป็นชนวนขัดแย้งครั้งใหม่ และชี้ชัดว่านายกฯ ทำผิดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการเยือนเผือกร้อนให้สถาบันพระมหากษัตริย์ นำเอาระบอบทักษิณแทรกแซงประเทศทั้งที่เคยเป็นชนวนให้เกิดการรัฐประหารในปี 2549 ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งการแทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน สร้างความแตกแยกในสื่อมวลชน ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุจริตคอร์รัปชั่น เท่ากับนายกรัฐมนตรีกำลังนำประเทศไทยเข้าสู่แดนประหาร
เป็นการกดดันและท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจกลายเป็นชนวนขัดแย้งครั้งใหม่ และชี้ชัดว่านายกฯ ทำผิดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการเยือนเผือกร้อนให้สถาบันพระมหากษัตริย์ นำเอาระบอบทักษิณแทรกแซงประเทศทั้งที่เคยเป็นชนวนให้เกิดการรัฐประหารในปี 2549 ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งการแทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน สร้างความแตกแยกในสื่อมวลชน ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุจริตคอร์รัปชั่น เท่ากับนายกรัฐมนตรีกำลังนำประเทศไทยเข้าสู่แดนประหาร
“ทำให้สภาเป็นแค่ตรายางจนเกิดการวางพวงหรีดสภาทาสในสภา นอกจากนี้ยังแทรกแซงแบงก์ชาติ สถาบันการเงิน ปิดกั้นสื่อมวลชนมุ่งโฆษณาชวนเชื่อ แม้แต่วงการบันเทิงก็ถูกแทรกแซงครอบงำ อีกทั้งการโยกย้ายข้าราชการก็ไม่เป็นธรรมมากกว่ายุคทักษิณ นำคนไม่มีความรู้ความสามารถไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจแบบต่างตอบแทน ที่ทำให้การบริหารไม่มีประสิทธิภาพ สุดท้ายขอเตือนว่ายังหยุดด้วยสองมือและตัดสินด้วยมันสมองของตัวเอง หวังว่านายกหญิงคนแรกจะฉลาดในเรื่องที่ควรฉลาด” นางสาวมัลลิกา กล่าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
