วิเคราะห์การเมือง จับทาง สุรยุทธ์ ให้ดีๆ

นักเซปักตะกร้อฝีมือเชี่ยวๆที่ออกลีลาชงเอง ฟาดทำคะแนนเองได้ ภาษากีฬาเขาเรียก กันว่า "หักคอไก่" แต่ไม่แน่ใจว่า ลักษณะชงเองเล่นเองแบบนี้ ในภาษาทางการเมืองเขาจะเรียกว่าอะไร

เพราะอยู่ๆ ก็โผล่มา

ยังไม่ทันได้จับต้นชนปลาย แล้วก็เป็น "บุรุษคาบไปป์" น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเอง ที่ออกมาปฏิเสธทันทีทันควัน ไม่เคยคิดลาออกจากตำแหน่งอย่างที่มีกระแสข่าวลือหลุดออกมาจากคนใกล้ชิด

และก็ให้บังเอิญข่าวลอยมาถูกจังหวะพอดิบพอดีในห้วงที่ น.ต.ประสงค์กำลังยื้อกับ ฝ่ายต่อต้านธงนิรโทษกรรมให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

มีทั้งนักวิชาการสายกลางอย่างนายโคทม อารียา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เตือนให้ระวังการสื่อสารผิด

ทำให้คนที่ฟังทั้งประเทศตกใจว่า เป็นการปกป้องคนเพียงบางกลุ่มที่ทำรัฐประหาร

แม้แต่พันธมิตรฝั่งเดียวกันเองอย่างนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อ ประชาธิปไตย (ครป.) ยังออกมาร่วมวงค้าน

ที่สำคัญจะทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่า ข้อกล่าวหาของ คมช.ที่มีต่อรัฐบาลทักษิณขาดพยานหลักฐาน ไม่สามารถดำเนินคดีได้ จนต้องเขียนกฎหมายป้องกันตัวเอง

ไม่ต้องพูดถึงฝ่ายตรงข้าม นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาฉะ "ประสงค์" ชงเกินหน้าที่

เอาใจผู้มีอำนาจอย่างออกหน้าออกตา

"ประสงค์" โดนแรงเสียดทานจนต้องเบี่ยงกระแสนิรโทษกรรม นั่นก็ปมหนึ่ง

มันยังมีอีกประเด็นที่ "บุรุษคาบไปป์" รีบโยนให้เป็นกระบวนการปล่อยข่าวของ เครือข่ายอำนาจเก่าที่ต้องการสร้างความสับสนว่า ตนเองหรือคณะกรรมาธิการยกร่างฯ กำลังมีปัญหากับฝ่ายการเมือง

แสดงว่ามันก็มีเค้าลางให้คนปล่อยข่าวโยงได้

ที่แน่ๆเลย ก่อนหน้านี้แค่ 2 วัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ก็เพิ่งระบุชัดๆ ในใบแสดงเจตนารมณ์ร่างรัฐธรรมนูญ อ่านดังๆ ให้ได้ยินกันทั่วบ้านทั่วเมือง

ขณะที่ น.ต.ประสงค์คือคนแรกๆ ที่รับบทเป็นศูนย์หน้าเขี่ยลูก เปิดเกมชงรัฐธรรมนูญใหม่ เผื่อไว้ในยามวิกฤติการเมือง

เปิดช่องนายกรัฐมนตรีคนนอก

และอันที่จริง นายกฯสุรยุทธ์เองก็คงจะรู้สึกทะแม่งๆ มาตั้งแต่คิวที่ "บุรุษคาบไปป์" ออกมาล็อกคอตีเข่า ลากรัฐบาลเข้าไปเอี่ยวกับการประชามติรัฐธรรมนูญ

อ้างเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ฟันธงถ้ารัฐบาลบริหารไม่ดี ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ชาวบ้านมีปัญหาปากท้อง จะทำให้การยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยากขึ้น

เหน็บสีข้างกันไปดอกหนึ่งแล้ว

เอาเป็นว่า ตามข้อมูลที่ได้รับมา ก่อนหน้าที่จะมีการออกมาปฏิเสธกระแสข่าวการทิ้งเก้าอี้ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ มีการพูดคุยกันระหว่าง สนช.ฝ่ายพลเรือนกับ คมช.บางคนในสายไม่ชอบหน้ารัฐบาล

และมันก็เป็นอะไรที่น่าจะต่อเนื่องกับรายการที่นายกฯ สุรยุทธ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์มติชน พูดถึงการประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ ในมุมที่น่าคิดตามอย่างยิ่ง

เราน่าจะพิจารณาชั่งดูว่า มันจะมีผลดีผลเสียอย่างไร เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเขียนไว้ว่า ถ้าเผื่อไม่ผ่าน ทาง คมช.ก็ เอาฉบับอื่นมาแก้ไขแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งได้

"ยิ่งเขาเอาไปแก้เรายิ่งลำบากนะ ผมว่าตรงๆประชาชนยิ่งลำบาก เพราะว่าเราไม่มีทางเลือกเลย ดังนั้น ถ้ามีทางเลือกคือทำเสีย ตั้งแต่ตอนนี้ ให้ข้อคิดเห็นว่าเราควรจะมีร่างที่เป็นอย่างไร อย่างที่ เราคิดอยากที่จะได้

ทำเสียตั้งแต่วันนี้ แล้วไปชั่งน้ำหนักกันในวันลงประชามติ ผมว่าจะดีกว่า เพราะถึงตอนนั้นตรอกมันแคบแล้ว แทนที่เราจะเดิน ถนนใหญ่ไม่เอา ไปเดินตรอกแคบ ผมว่าเราต้องเลือกทางเดินให้ดี"

บังเอิญตรงกับกระแสข่าวที่ค่อนข้างยืนยันได้

มืออาชีพร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.ตั้งแท่นรอล่วงหน้าแล้ว

แกล้งโยนหินถามทางแรงๆ จงใจใส่เงื่อนไขร้อนๆ ล่อกระแสต้านให้ ประชามติไม่ผ่าน

แค่นี้ก็เข้าทาง.

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ