ที่ประชุมสภาฯ ไฟเขียว พ.ร.ก.ขึ้นภาษีเหล้า ด้วยมติ 393 ต่อ 1 เสียง ด้าน “ทนุศักดิ์” ปัด รีดภาษีชดเชยถังแตก ขณะที่ “อรรถวิชช์” แฉไล่บี้ทุนน้ำเมาหนุนหน้ากากขาว
มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 (ฉบับที่7) พ.ศ.2556 หรือ พ.ร.ก.ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 186 วรรคสอง กำหนดให้นำ พ.ร.ก.ที่ตราขึ้น นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การขึ้นภาษีเกิดความไม่เท่าเทียมกันของผู้ประกอบการเฉพาะราย
หากพิจารณาอัตราราคาที่เพิ่มขึ้นของเบียร์ยี่ห้อสิงห์และยี่ห้อช้างที่เผยแพร่ในสื่อมวลชน ที่ราคาต่อขวดใหญ่ เบียร์ช้าง จากเดิมที่ขายขวดละ 42 บาท ปรับเพิ่มเป็น 46.19 บาท ส่วนเบียร์สิงห์ เดิมขายขวดละ 56 บาท ปรับเพิ่มเป็น 56.06 บาท ขณะที่ราคาต่อกระป๋อง เบียร์ช้าง เดิมขายที่กระป๋องละ 25 บาท ปรับเพิ่มเป็น 27.96 บาทถื ส่วนเบียร์สิงห์ เดิมขายกระป๋องละ 31 บาท ลดลงเป็น 30 บาท
นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณากับคำให้สัมภาษณ์ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุถึงกลุ่มทุนน้ำเมาที่สนับสนุนกลุ่ม “หน้ากากขาว” นั้นจึงเป็นการสะท้อนว่า การเขียนเกณฑ์ที่ไม่มีความชัดเจน จนเกิดปัญหาขณะนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงการล่าเมืองขึ้นน้ำเมา และผู้ประกอบการรายใดกำลังได้รับผลกระทบ
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะขอใช้สิทธิงดออกเสียงอนุมัติพ.ร.ก.ขึ้นภาษีเหล้า แม้มติพรรคประชาธิปัตย์จะให้การสนับสนุน ส่วนตัวมองว่าในสถานการณ์ที่สินค้ามีราคาแพงและรายได้ลดลง รัฐบาลกลับเลือกที่จะขึ้นภาษีสุรา ที่อยู่ในวิถีของประชาชนที่ยากจน เดือดร้อน ขณะที่คนรวยรัฐบาลกลับเลือกที่จะช่วยเหลือ เช่น ลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม
นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดพลาดคือไม่มีการตรวจสอบ สต็อกในตลาดก่อนขึ้นภาษี เพราะจะทำให้พ่อค้าที่สั่งสินค้ามาก่อนได้ประโยชน์ อีกทั้ง ที่อ้างว่าการขึ้นภาษีเพื่อทำให้เป็นหลักสากลห่วงเรื่องมิติสังคม มิติสุขภาพ แต่รายละเอียดที่เสนอเข้าสภากลับไม่มีเรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังไม่เห็นผลการศึกษาที่ระบุว่าว่าภาษีเหล้าแพงจะทำให้คนบริโภคน้อยลง
เพราะหากของแพงก็สามารถเปลี่ยนไปบริโภคสินค้าทดแทน หากจะลดการบริโภคก็จะลดเพียงแค่แป๊บเดียว หรือหากเป็นกลุ่มคนจน ก็จะหันไปบริโภคของทดแทนที่ราคาถูกกว่า
แต่ไม่ดีต่อสุขภาพ สุดท้ายในเรื่องการปรับ กลับไม่มีการแก้ไขโทษที่ปรับเพียง 2,000 บาท จึงเป็นช่องโหว่ให้ ผู้ประกอบการที่ไม่รับผิดชอบไปหาประโยชน์ซึ่งสูงหลายสิบล้าน
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ชี้แจงว่า การปรับโครงสร้างภาษีสุรานั้นไม่เกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้เข้าประเทศไม่เป็นไปตามเป้า แต่ข้อเท็จจริงแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย.56 กรมสรรสามิต เก็บภาษีเกินกว่าเป้า ไปกว่า 7,500 ล้านบาท สำหรับราคาขายสุราที่ปรับการจัดเก็บภาษีเป็นแบบผสม คือ ตามปริมาณและดีกรีของแอลกอฮอล์ อย่างเท่าเทียมทุกยี่ห้อ
ดังนั้น ภาษีเบียร์ที่ต้องชำระอัตรา 1 ขวด ประกอบด้วย ภาษีสรรพสามิต ตามมูลค่า, ตามปริมาณ ภาษีมหาดไทย ภาษีสสส.และภาษีไทยพีบีเอส และการพ.ร.ก.ขึ้นภาษีไม่ได้เป็นประเด็นทางการเมือง
นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้สำรวจสินค้าก่อนออกกฎหมาย โดยกรมสรรพสามิตออกสำรวจทั่วประเทศแล้ว ส่วนการขึ้นราคาสุรา หรือเบียร์นั้น ยืนยันว่าจะปรับราคาต่อขวดไม่มากนักเฉลี่ย 2 – 5 บาท แต่หากพบว่าขายเกินราคา หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบจะเข้าไปดูแล ภายหลังการอภิปรายกว่า 6 ชม. ท้ายที่สุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบด้วย 393 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 23 ไม่ลงคะแนน 5 เสียง สำหรับขั้นตอนต่อไปคือส่งเรื่องให้กับวุฒิสภาเพื่อรับทราบต่อไป