ลูกทุ่งสาวกล่าวต่อว่า ตนไปที่นั้นคือไปร้องเพลง และทานข้าวกับท่าน ตนได้พูดคุยกับท่าน ท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง
ท่านไม่รู้จักตัวใบเตยเลย เพราะอยู่ต่างประเทศตลอด พอท่านได้ฟังเพลงของเราท่านถึงรู้ว่าเราคือ ใบเตย อาร์สยาม ตนได้ร้องเพลงเก่าๆ ให้ท่านฟัง ในมุมของตนก็เห็นใจท่านเพราะอยากเพลงไทยมาก และอยากกลับบ้านเกิด ตนมีหน้าที่เป็นตัวแทนที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าท่านอยู่เมืองไทย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ามีข่าวว่าไปสองครั้งได้รับเงินค่าตอบแทนถึง1ล้านบาทจริงหรือไม่ ใบเตย ยอมรับว่า “เป็นความจริงค่ะ รับค่าตัว 5 แสน ทานข้าว และร้องเพลง 2 ประเทศ ส่วนเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม ได้จากที่เราไปช้อปปิ้งหลังจากเสร็จงาน ท่านได้ให้คนมาติดตามและเทคแคร์ พอไปช้อปปิ้งตามที่ต่างๆ”
ถามต่อว่ามีค่าตอบแทน หรือได้ทิปเพิ่มจากค่าจ้างหรือเปล่า
นักร้องสาวกล่าวว่า ไปครั้งนี้ไม่ได้คิดถึงค่าจ้าง ถือว่าไปเที่ยวเป็นกำไรชีวิต นอกเหนือจากนั้นถือเป็นการอุปการะของผู้ใหญ่ เพราะอดีตนายกฯ สนิทกับทางเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) นานมากแล้ว และเรียกใช้ทางค่ายมาตลอด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเหมือนบ้านที่ ‘ใบเตย’ ซื้อเป็นโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด
ได้ส่วนลดจากอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย ลูกทุ่งสาว เผยว่า ได้ส่วนลดจากทางครอบครัวของท่านมากกว่า เพราะโครงการนี้ลูกเขยท่านเป็นคนดูแลโครงการ และท่านทักษิณไม่ได้เป็นคนซื้อให้ ถ้าท่านซื้อให้ตนจะไปร้องเพลงตอบแทนท่านอีกสัก 3 งาน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากลัวคนจะมองว่าฝักใฝ่ฝ่ายสีใดหรือไม่
นักร้องลูกทุ่งสาว ตอบว่า ตนไม่อยากให้มองตรงนั้น อยากให้มองเป็นงานที่ตนต้องรับผิดชอบงานเพื่อสร้างความสุข ไม่มีการแบ่งสี เรื่องงานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว เรื่องสังคมก็คือสังคม ถามว่าอยากไปอีกหรือเปล่า ตนได้คุยกับพี่โอ๊ค พานทองแท้ ว่าอยากไปเพราะเป็นงานที่แฮปปี้และมีสุขมาก ได้ไปเที่ยว ร้องเพลง และเปิดโลกทัศน์ใหม่