ชูชาติ ศรีแสงแนะมธ. ส่งอั้ม เนโก๊ะหาหมอโรคจิต

10 ก.ย.56 นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว Chuchart Srisaeng
 
เสนอความเห็นเกี่ยวกับประเด็น การต่อต้านการสวมใส่ชุดนักศึกษาของนักศึกษาบางคนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมองว่า การแสดงออกของนักศึกษานั้นจะต้องมองลึกลงไปในพฤติกรรมอดีต การย้อนมองกลับไปจะทำให้เข้าใจเหตุผลของการกระทำในปัจจุบัน

โดยนายชูชาติได้เปรียบเทียบกรณี "อั้ม เนโก๊ะ" ต่อต้านการสวมใส่ชุดนักศึกษาด้วยการทำโปสเตอร์ 4 แบบ ที่ล่อแหลมและเต็มไปด้วยสัญญลักษณ์ทางเพศ กับกรณีนิสิตแพทย์ในอดีต 2 กรณีที่กลายเป็นคดีโด่งดังในเวลาต่อมานั่นก็คือ คดีศยามล กับ คดีเสริม

ข้อความที่นายชูชาติโพสต์ลงเฟซบุ๊ค

"เมื่อประมาณปี 2540 มีปัญหาสุขภาพจึงไปที่คลินิกอดีตอาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชท่านหนึ่ง และเนื่องจากเป็นคนภาคใต้ด้วยกันไปหาแต่ละครั้งก็คุยกันเรื่องอื่นๆ ยาวทุกครั้ง

.....ท่านเล่าให้ฟังว่า มีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งปลอมลายมือของท่านเพื่อทำบางสิ่งบางอย่าง ท่านเห็นว่าพฤติกรรมเช่นนั้นร้ายแรงสำหรับคนที่จะต้องไปดูแลความป่วยเจ็บความเป็นความตายของผู้ป่วย ไม่ควรให้เป็นนักศึกษาต่อไป จึงนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณาจารย์ แต่คณาจารย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะความสงสาร"

"นักศึกษาคนนั้นเรียนจบเป็นแพทย์ศาสตร์บัณฑิต ออกไปรับราชการที่อยู่ที่โรงพยาบาลหัวหิน และต่อมาได้ก่อคดีอื้อฉาวฆ่าอดีตภริยาตนเอ.....คือคดีนายแพทย์บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ แพทย์โรงพยาบาลหัวหิน จ้างวานบุคคลอื่นให้ฆ่านางศยามล ลาภก่อเกียรติ อดีตภริยาตนเอง ซึ่งคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาประหารชีวิตนายแพทย์บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์"

"ปี 2541คือคดีฆาตกรรมที่ดังครึกโครมที่สุดคงไม่พ้นคดีนายเสริม สาครราษฎร์ นักศึกษาแพทย์ปีที่ 2 โรงพยาบาลวชิระ
 
ฆ่าหั่นศพแฟนสาวเจนจิรา พลอยองุ่นศรี นักศึกษาแพทย์ปีที่ 5 คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ทิ้งลงชักโครกในห้องและลงไปในบ่อรับน้ำเสียของอาคารที่ตนเองพักอาศัยอยู่"

"นายเสริม สาครราษฎร์ เรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย แล้วไปสอบเข้าเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่สอบไม่ผ่านวิชาการทดสอบทัศนคติ เพราะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ จึงไปสอบเข้าเรียนที่คณะแพทย์วชิระพยาบาลซึ่งไม่มีการทดสอบวิชาดังกล่า.....คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายเสริม สาครราษฎร์ ตลอดชีวิต"

นายชูชาติย้ำว่า การนำสองคดีที่เสทือนขวัญประชาชนในอดีตมาเทียบเคียงและกล่าวถึง  เพื่อชี้ว่า ความรู้สึกนึกคิดของคนดูจากการแสดงออกต่างกรรมต่างวาระและบ่งชี้ผลในอนาคตได้

"อ้างถึงคดีดัง 2 คดีดังกล่าว เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนนั้น แม้การแสดงออกโดยทั่วไปจะไม่แตกต่างกับคนอื่นมากนัก แต่พื้นฐานของความรู้สึกนึกคิดลึก ๆ ที่แสดงออกมาต่างกับคนอื่น ๆ นั้น มันส่อถึงความไม่ปกติของจิตใจ"

นายชูชาติพูดถึงกรณีของนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนหนึ่ง ทีี่เรียกกันว่า "อั้ม เนโกะ" กระทำตัวในเรื่องที่นักศึกษาทั้งในอดีตและปัจจุบันของมหาวิทยาลัยที่มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว ไม่กระทำกัน แสดงให้เห้นถึงความผิดปกติทางสภาพจิตที่สมควรจะต้องได้รับการดูแลรนักษาเยียวยามากกว่าปล่อยออกไปและอาจทำสิ่งที่คาดไม่ถึงภายภาคหน้าได้ เหมือนกับสองกรณีที่อ้างมาข้างต้น

"ปี 2555 เป็นนักศึกษาน้องใหม่ กระทำตัวด้วยการแต่งกายที่ไม่สุภาพเรียบร้อยไปแสดงท่าทางที่ไม่สมควรถ่ายรูปกับรูปปั้นของท่านรัฐบุรุษอาวุโสผู้ศาสน์การคนเดียวของมหาวิทยาลัย ท่านปรีดี พนมยงค์ ที่นักศึกษาส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ความเคารพนับถือ เป็นที่โด่งดังมาครั้งหนึ่งแล้ว"

"มาปีนี้ถ่ายภาพตนเองกับผู้ชายที่กำลังแสดงถึงพฤติกรรมของคนที่กำลังมีอารมณ์ความใคร่ทางเพศ และทุกภาพแสดงเหมือนกับคนที่มีความช่ำชองในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ แล้วนำภาพดังกล่าวเผยแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการต่อต้านการที่นักศึกษาต้องแต่งเครื่องแบบของมหาวิทยาลัย"

"พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นักศึกษาคนนี้มีภาวะทางจิตใจไม่ปกติ เพราะคนที่จิตใจปกติมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ไม่มีใครกระทำเช่นนี้"นายชูชาติได้ย้ำไว้ในเฟส บุ๊คของเขา

อย่างไรก็ตามนายชูชาติ อดีตนักกฏหมายผู้ช่ำชองก็ได้ระบุว่า ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์  ได้เรียก  "อั้ม เนโก๊ะ" มาว่ากล่าวตักเตือนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวแล้ว  แต่เขาก็ยังเชื่อว่า ควรส่งนักศึกษาท่านนี้ไปตรวจสุขภาพจิตจะดีกว่า

"ตักเตือนแล้วควรส่งตัวนักศึกษาคนนี้ไปให้จิตแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติตรวจบำบัดรักษาอาการผิดปกติทางจิตเสียด้วย  ขืนปล่อยไว้ปีหน้าอาจมีภาพที่ลามกอนาจารมากกว่าปีนี้แจกจ่ายไปทั่วมหาวิทยาลัย เพื่อประท้วงมหาวิทยาลัยเรื่องหนึ่งเรื่องใด ให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยดังฉาวโฉ่อีกแน่นอน"เขาลงท้ายข้อเขียน