วันที่ 4 ก.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) นายทวี แพใหญ่ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/3 หมู่ 5 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
นายกเทศบาล ต.ลำแก่น และเป็นอดีตกำนัน ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง เจ้าของแพปลา เรือประมง และท่าเรือท่องเที่ยวใน อ.ท้ายเหมือง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุมน ลาวะปานา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.5 บก.ปปป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดำเนินคดีกับ พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กับพวก ในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้อง มอบให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบการพิจารณาดำเนินคดี นายทวี กล่าวว่า
สาเหตุที่เข้าร้องทุกข์ในครั้งนี้ เนื่องจากทางผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า กว่า 200 คน ภายในแพปลาของตน และที่ทำงานอยู่ในเรือประมงพื้นที่ จ.พังงา แต่เป็นการกลั่นแกล้ง เลือกปฏิบัติ และมีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
เพราะแรงงานต่างด้าวทั้งหมดนั้นได้รับการผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรี อนุญาตให้ทำงานในเรือประมงได้ แต่ทางผู้บัญชาการทัพเรือคนดังกล่าว กลับยืนยันที่จะดำเนินการจับกุม
โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และกฎหมายเฉพาะซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของกองทัพเรือ
นายทวี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี สำหรับพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 3 มีขอบเขตถึง 6 จังหวัดภาคใต้ แต่กลับเลือกปฏิบัติ โดยเข้าตรวจสอบและจับกุมแรงงานต่างด้าวในแพปลาของตนเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
จึงถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ตนกับ พล.ร.ท.รายนี้ ก็เคยมีปัญหากันมาก่อนจนถึงขั้นฟ้องศาลดำเนินคดีต่อกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาของ พล.ร.ท.คนดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการชี้แจงกลับมาแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.สุมน กล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้ในเบื้องต้น แต่จากการตรวจสอบเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาดำเนินคดี นั้น พบว่าผู้ร้องยังนำมาไม่ครบถ้วน จึงได้นัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ก่อนจะสอบปากคำและเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป