รัฐบาลขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ ไวน์ 7-15 เปอร์เซ็นต์ - สุรานำเข้าโดนหนัก

ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ตภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต


วันที่ 3 ก.ย. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า วันที่ 4 กันยายน 2556 นี้ กระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่ของภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าราคาใหม่ 

โดยอัตราภาษีใหม่ไม่ได้มีการปรับขึ้นชนเพดาน 2,000บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ตามที่พ.ร.ก.แก้ไขพ.ร.บ.สุราฯ กำหนด แต่จะยึดหลักทยอยปรับขึ้นในอนาคต โดยครั้งนี้มีการปรับเฉลี่ย 7-8% แต่บางรายการอาจปรับขึ้น 10-15% แต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกมีการปรับขึ้นมากนักอย่างเบียร์มีการปรับขึ้นเพียง 2-3 บาทต่อกระป๋องเท่านั้นแต่บางรายการก็สูงกว่านี้ เช่น เหล้า โดยเฉพาะสุรานำเข้า

 วันที่ 3 กันยายน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีมติเห็นชอบโครงสร้างภาษีอัตราภาษีสุราใหม่ โดยเป็นการขยายเพดานอัตราภาษีให้สูงขึ้น และปรับเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บใหม่ ทั้งนี้ เพื่อต้องการแก้ปัญหา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำๆ แต่มีปริมาณมากและราคาถูก ที่จูงใจนักดื่มหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชน จะบริโภคลดน้อยลง โดยการปรับภาษีครั้งนี้ไม่ได้ต้องการรายได้เพิ่มมากขึ้น
 
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในวันที่ 4 กันยายน กระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่ของภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที ป้องกันการกักตุนสินค้าราคาใหม่ โดยอัตราภาษีใหม่ไม่ได้มีการปรับขึ้นชนเพดาน 2,000 บาทต่อลิตร แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ตามที่พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไข พ.ร.บ.สุราฯกำหนด แต่จะยึดหลักทยอยปรับขึ้นในอนาคต โดยครั้งนี้มีการปรับเฉลี่ย 7-8% แต่บางรายการอาจปรับขึ้น 10-15% ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับราคาขึ้นมากนัก อย่างเบียร์จะปรับขึ้นเพียง 2-3 บาทต่อกระป๋อง เท่านั้น
 
ทั้งนี้โครงสร้างภาษีใหม่ จะมี 3 รูปแบบ คือ 1.การเก็บภาษีตามปริมาณต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 2.การเก็บภาษีตามมูลค่า และ 3.การเก็บภาษีตามปริมาณและมูลค่า เปลี่ยนจากเดิมที่การจัดเก็บจะมี 2 รูปแบบ คือ การเก็บภาษีตามปริมาณ และการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า และเมื่อนำมาคำนวณหากอัตราภาษีใดสูงกว่าให้เลือกเก็บตามภาษีนั้นๆ แต่โครงสร้างภาษีใหม่จะมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณและมูลค่าควบคู่กันไป

นอกจากนั้น โครงสร้างภาษีใหม่ยังมีการขยายเพดานการจัดเก็บขึ้นเป็น 2 พันบาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการจัดเก็บภาษีเต็มเพดานแล้ว ซึ่งได้แก่ เบียร์ และไวน์ ที่มีการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า 60% หรือตามปริมาณ 100 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ รวมถึงสุรากลั่นประเภทสุราปรุงพิเศษ สุราพิเศษ (วิสกี้/บรั่นดี) ที่มีการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า 50% หรือตามปริมาณ 400 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีใหม่นี้จะส่งผลให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อเดือน

 ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต ได้ศึกษาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ โดยคาดว่า ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น 7-8% เช่น เบียร์ช้าง ขนาด 330 มล. ราคา 25 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 27.96 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 42 บาท เป็น 46.19 บาท เบียร์สิงห์ ขนาด 330 มล. ราคา 31 บาท เหลือ 30 บาท ขนาด 630 มล. ราคา 56 บาท เป็น 56.06 บาท เบียร์ไฮเนเก้น ขนาด 330 มล. ราคา 40 บาท เป็น 42.07 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 60 บาท เป็น 70.21 บาท

ขณะที่สุราปรุงพิเศษ แม่โขง ขวดละ 100 บาท เป็น 101 บาท รีเจนซี่ ขนาด 175 มล. ราคา 145 บาท เป็น 155 บาท ขนาด 350 มล. ราคา 245 บาท เป็น 255 บาท ขนาด 700 มล. ราคา 500 บาท เป็น 525 บาท จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล ราคา 1,199 บาท เป็น 1,230 บาท เรด เลเบิ้ล ราคา 779 บาท เป็น 860 บาท ฮันเดรด ไพเพอร์ส ราคา 365 บาท เป็น 390 บาท สุราขาว 28 ดีกรี ขวดละ 75 บาท เป็น 77.45 บาท, 30 ดีกรี ขวดละ 80 บาท เป็น 82.70 บาท, 35 ดีกรี ขวดละ 85 บาท เป็น 86.81 บาท, 40 ดีกรี ขวดละ 90 บาท เป็น 90.92 บาท เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวสะพัดว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ในวันนี้ (3 ก.ย.) เพื่อให้ความเห็นชอบโครงสร้างภาษีสุราใหม่ ล่าสุดจากการสอบถามไปทางเอเยนต์เหล้าเบียร์รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการปรับภาษีสุรา ในวันที่ 4 กันยายน ขณะที่ค่ายเบียร์ยักษ์ใหญ่ได้เปิดโอกาสให้เอเยนต์และตัวแทนจำหน่าย มารับเบียร์และสุราในอัตราภาษีเก่าจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ ทำให้ตัวแทนจำหน่ายต่างวิ่งมารับเบียร์ที่หน้าโรงงาน เพื่อขนกลับไปสต๊อก ซึ่งน่าจะเป็นบรรยากาศที่วุ่นวายพอสมควรในการขนเบียร์ให้เสร็จก่อนเที่ยงคืนวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ก่อนหน้านี้ที่ประชุมครม.  เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2556 ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและ รมว.คลัง เสนอปรับแก้พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 โดยออกประกาศเป็นกฎกระทรวงแก้ไขในส่วนการขยายเพดานภาษีสรรพสามิต สาระสำคัญคือ จะเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษีสรรพสามิตสุรา จากเดิมใช้การคำนวณ 2 แบบ ทั้งในเชิงมูลค่าและเชิงปริมาณตามดีกรีแอลกอฮอล์ โดยเลือกวิธีที่จัดเก็บภาษีได้สูงสุด เปลี่ยนเป็นจัดเก็บทั้ง 2 แบบ ขณะเดียวกันเปลี่ยนวิธีคำนวณต้นทุนภาษีสรรพสามิต ในเชิงมูลค่าจากเดิมสุราในประเทศให้ใช้ราคาต้นทุนหน้าโรงงานมาคำนวณภาษี ขณะที่สินค้าสุรานำเข้าให้ใช้ราคาซีไอเอฟ (ราคาส่งมอบซึ่งคิดแต่เฉพาะค่าต้นทุนสินค้าบวกค่าขนส่ง ไม่คิดค่าประกันสินค้า) เปลี่ยนเป็นใช้ราคาขายปลีก หรือราคาขายส่งขั้นสุดท้าย ใช้ในการคำนวณภาษีแทน
 
นอกจากนี้ จะแก้ไขเพดานภาษีสุราแช่ ประกอบด้วยไวน์ และเบียร์ ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บเต็มเพดาน ทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณ โดยจัดเก็บอัตราร้อยละ 60 และ 100 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ เป็นขยายเพดานสูงสุด 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ ขณะที่สุรากลั่น ประเภทวิสกี้ บรั่นดี และสุราปรุงพิเศษ ปัจจุบันจัดเก็บเต็มเพดานที่ร้อยละ 50 ในเชิงมูลค่า และ 400 บาทต่อลิตร ให้ขยายเพดานสูงสุดที่ 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์เช่นเดียวกัน แต่อัตราจัดเก็บแท้จริงจะกำหนดอีกครั้ง เนื่องจากการจัดเก็บจะทำทั้งเชิงมูลค่าและปริมาณ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นสำคัญซึ่งเป็นเรื่องใหม่ ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาภารกิจกรมสรรพสามิต (กสพ.) มีรูปแบบและแหล่งที่มาของกองทุน คิดจากภาษีสรรพสามิตสุรา ร้อยละ 1.5-2 เป็นรูปแบบเดียวกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อช่วยเหลือคนพิการ ส่งเสริมการศึกษา รวมทั้งใช้ดำเนินการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกรมสรรพสามิต โดยให้กรมสรรพสามิตบริหาร คาดว่าจะจัดเก็บเพื่อตั้งกองทุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์